ทำไมหัดท่านี้แล้วเจ็บจุงเบย ???
อธิบายประเด็นนี้ให้ฟังก่อนน่ะครับ เนื่องจาก Air เนี้ย เรานิยมหัดทำกันที่โค้ง คือพอเค้าโค้งมาแล้วเริ่มทำเลย ..... ถามว่าไปหัดที่ทางตรงไม่ได้เหรอ ? คำตอบคือได้ครับ แต่ไม่ควร เพราะด้วยถ้าเพิ่งหัดใหม่ๆ การ Air ทางตรงเป็นเรื่องที่ยากครับเพราะต้อง อาศัยการ ฉีกน้ำเพื่อ Build Tension(สร้างแรงตึงของเชือก) ยกเว้นคนที่ถนัดซ้ายนำ ถ้าซ้ายนำเริ่มหัดนี้เค้าหัดกันที่จุด Start เลยครับ คือฉีกออกซ้ายสร้างแรงตึกเชือก .... คราวนี้มันเจ็บเพราะว่า เนื่องด้วยเราใช้ Tension ที่ค่อนข้างตึงพอสมควรคราวนี้พอตกลงมา มันจะไม่เหมือนความเจ็บที่เกิดจากการตกจาก Kicker หรือ Lamp น่ะครับ เพราะอันนั้นเราไม่ได้สร้างแรงตึงของเชือกมากมายเวลาจะทำท่าอะไรก็แล้วแต่ ก็ยกเว้นอีกครับ คนที่เค้าฉีกเยอะเพื่อสร้างแรงตึง พร้อมกับการ POP บนอุปกรณ์ ถ้าทำ 2 อย่างนี้คู่กันอาจจะเจ็บกว่า Air โค้งก็ได้ครับ
โอกาศเจ็บสุดๆ ได้แค่ไหน ???
เท่าที่ผมเคยเจอมาน่ะครับ ผมยก Case มาให้ดูก่อนครับ ไม่ได้เอามาขู่น่ะครับ แค่จะเอามาให้เห็นก่อน
Case ที่ 1 ศูนย์เสียความทรงจำระยะสั้น .... ที่มาคือเพื่อนที่สอนผมเล่น Wakeboard มานาน อ้างชื่อได้ครับชื่อ โปร ชุ 555+ ชุ เคยศูนย์เสียความทรงจำระยะสั้นจากการ Air มาแล้วครับ คำถามคือ เกิดขึ้นได้ยังไง ? ตอนที่พลาดเนี้ย ชุก็ทำท่า Air ได้อยู่แล้วครับ แต่ยังไม่ช่ำชอง การพลาด เกิดจากการที่ชุปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอากาศมากเกินไปครับ คือ คิดว่าลงได้พริ้วๆ สวยๆ จะลง แผ่น Wakeboard จิกน้ำหน้าฟาด หรือ หลัง ฟาด ผมไม่ชัวร์ครับ ก็สรุปคือ ชุ งงไปเลยว่าวันนี้มาทำอะไรที่นี้ พูดจาช้าๆ มึนๆ งง อะไรประมาณนี้แหละครับ แต่นอนพักสักวันก็หายครับ
Case ที่ 2 ผมเองเนี้ยแหละครับ ไหล่หลุด 555+ ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี และคิดว่าคงไม่ลืมง่ายๆ มันก็เกิดจากที่ผม Air ได้แล้วนิครับ แต่ไม่มีความเข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่มีความถูกต้องอะไรเลย เรียกว่าฟลุคแล้วกันครับ มันเกิดจากที่ผมฉีกปกติ ตอนขึ้นไปบนฟ้าแล้ว Board เกิดไม่สมดุล ผมควบคุมไม่ได้เนื่องจากอาการตกใจ คือ เรียกง่ายๆ ว่าไม่สามารถคุมอะไรได้เลย หรือ ช่วงนั้นคือ ไม่มีสติอยู่กับตัวเพราะเวลามันสั้นมากครับเราจะจำได้แค่ตอนฉีกมาแล้วก็กด Board ลงไปในน้ำเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นจังหว่ะที่ลอยขึ้น มันจะเพี้ยนไปยังไงผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ตอนตกเนี้ย มันตกประหลาดๆ ตกในมุมที่ Board จิกน้ำแล้วหมุนทำให้เกิดแรงที่ช่วงไหล่ ทำให้ไหล่ผมหลุดออกไป ... สำหรับผมผมคิดว่านี้ร้ายแรงกว่า Case แรกน่ะครับ เพราะถ้าเป็นผม ต่อให้ผ่าตัดมาก็คงไม่เหมือนเดิม มันจะมีบางองศาที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เรียกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผมอยากจะหยุดเล่นเลยครับ เพราะในใจผมคือ ถ้าไม่เล่น Air โค้ง ผมก็ไม่อยากเล่น Wakeboard แล้วครับ
สรุป Case ที่ 1 และ Case ที่ 2 เนี้ยผมว่าหนักสุดแล้วครับ ถ้าจุกๆ มึนๆ นี้ไม่นับน่ะครับ อันนั้น พักแป๊ปเดียวก็หาย แต่อาจจะเข็ดจนไม่อยากทำต่อ .... คำถามคือผมเล่ามาทำไม ... จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่มีโอกาศเจ็บร้ายแรงได้เนี้ย เกิดจากคนที่ทำได้แล้วน่ะครับ แต่ยังไม่ Sure ไอ้ความที่ยังไม่ Sure เนี้ยแหละครับ โอกาศเจ็บเยอะสุด (ในมุมผมน่ะ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่า จะเจ็บ แบบ Case 1 และ Case 2 รวมกันได้เนี้ย น่าจะไม่เกิน 5% ของคนที่หัด Air ครับ เพราะฉะนั้นก็ยังหัดได้ครับ ไม่มีปัญหา
พูดมาตั้งนาน เข้าเรื่องเลยได้มั้ย ?
ได้ ครับ เพียงแต่ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง ... ขอเริ่มแบบนี้แล้วกันครับ ผมแบ่งองค์ประกอบที่ทำให้ท่านี้สำเร็จ ในช่วงแรก (ย้ำว่าในช่วงแรกน่ะครับ) .... อยากจะเขียนให้มันมากกว่านี้ แต่คำตอบมีอย่างเดียวครับ
"ใจ 100%"
คำถามคือ ทำไมผมพูดแบบนี้ คืออย่างนี้ครับ ถ้าพูดให้ง่ายๆ ว่า Air ทำยังไง ก็พูดได้ครับ ก็ เข้าโค้ง แล้ว ฉีก มา แล้ว กด Board ไปในน้ำก็ลอย แล้ว หรือ พี่ๆ บางท่านก็แค่เฉือนน้ำเบาๆ ก็ลอยแล้ว .... แต่อันนี้คือพูดในมุมที่เราเข้าใจแล้วน่ะครับ คราวนี้สำเร็จในช่วงแรกหมายความว่ายังไงครับ ? คือต้องแยกท่านี้ออกเป็น 2 Part ครับ ... Part แรก คือ ลอยบนฟ้าได้ Part ที่ 2 คือ Landing ..... ทำไมผมถึงต้องแยก Part ? เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเห็นมา ไม่ค่อยจะเจอใครที่หัดแล้วสามารถลอยได้ลงได้ในครั้งแรก .... ทำไมผมถึงมั่นใจนัก ? งั้นผมถามใหม่ ปกติ ขึ้น Kicker ครั้งแรก แล้วลงได้เลยไหมครับ ??? คำตอบก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ถ้าลอยได้ครั้งแรก ก็ไม่ใช่ว่าส่วนใหญ่จะลงได้น่ะครับ
ก่อนผมจะพูดต่อไป ผมขอเสริม Side Story มาก่อนครับ เนื่องด้วยว่าการหัด Air สมัยนี้มีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจและเจ็บตัวน้อยมากครับ
ลองอ่านดูก่อนน่ะครับ
1.หัดด้วยการ Shot เชือก หรือ Cable 2 เสา >>> เพราะอะไรถึงง่าย เพราะเนื่องด้วยเชือกมันสั้นมากครับ ฉีกนิดเดียว Tension ก็เยอะพอ และ ทำให้เราลอยขึ้นไปได้ง่าย และก็ยังเจ็บตัวน้อยด้วย หัดวิธีการนี้อาจจะสามารถขึ้นและลงได้ในครั้งแรกที่ทำเลยก็เป็นได้น่ะครับ ไม่ขออธิบายละเอียดน่ะครับ สอบถามรายละเอียดที่ Thai Wake Park หรือ Kite Cable Ski ดูน่ะครับ
2. หัดด้วยการ Air Kicker >> ก็คือทำเหมือน Air เลยครับ เพียงแต่เราทำบน Kicker เท่านั้นเอง มีอุปกรณ์ช่วนให้ลอย ทำให้สามารถฝึก Part ที่ 2 คือการ Landing ได้ Sureๆ ก็ถือเป็นการฝึกที่ดีครับ
3. หัดด้วยการ Air Dock Start >> จริงๆ จะบอกว่า Air ก็ไม่ใช่ การหัด Dock Start เนี้ย คือ กระโดดออกตอนจังหว่ะที่เชือกดึงเราไปน่ะครับ ถ้าใครนึกภาพไม่ออกลองดูตอนที่คนเค้ายืน Start แล้วเค้ากระโดดลอยๆ นั้นแหละครับ จะช่วยการฝึก Part 2(Landing) และ Part ที่ 1.5(จังหว่ะที่กำลังจะขึ้น เดี๋ยวผมจะพูดในภายหลัง)
4. หัดด้วย Tampoline >> คืออันนี้อาจจะได้ Feel ตอนอยู่บนอากาศ และการจัดระเบียบร่างกายน่ะครับ จริงๆ Tampoline เนี้ยเหมาะแก่การหัดทุกท่าเลยน่ะครับ เพราะ Tampoline ไม่มี Tension ถ้าทำบน Tampoline ได้ ทำบนน้ำจริงๆ จะง่ายขึ้นไปกว่าตอนทำบน Tampoline อีก เพราะมีแรงตึงช่วย .... แต่เรื่องท่า Air ส่วนตัวผมมองว่า Tampoline ไม่ช่วยอะไรน่ะ
มาเข้าประเด็นต่อ วิธีการฝึก Part ที่ 1 (ลอยบนฟ้า)
ถ้าเข้ามาอ่านถึงส่วนนี้ได้แปลว่าคุณได้ข้าม Side Story มาแล้ว ส่วนจะทำหรือเปล่านี้แล้วแต่ศรัทธาน่ะครับ โดยส่วนตัวผมไม่ได้ทำ Side Story น่ะครับ ผมซัด Pureๆ เลย เพราะผมเล่นในยุคสมัยที่อุปกรณ์น้อยมาก ทำให้เหลือทางเลือกในชีวิตน้อย 555+ และอีกอย่างส่วนตัวผมมองว่าด้วยปกติผมเล่น Full Cable Size เป็นหลัก เพราะฉะนั้นผมเลยอยากลองกับสถานการณ์จริงๆ เลยมากกว่า เพราะ Air เสร็จแล้วจะได้ไปเล่นอุปกรณ์ตัวอื่นต่อ สนุกจะตาย
เริ่มด้วย Video นี้น่ะครับ ผมว่าเนี้นแหละ ถูกหลักที่สุด และ สวยที่สุด (ในความคิดผม คนอื่นมองยังไงแล้วแต่น่ะครับ ผมมองแบบนี้)
ให้สังเกตุตอนที่เค้า เริ่มฉีกน่ะครับ จะเห็นได้ว่าเค้าพยายามเหน็บไหล่ไว้กับตัว และ ทำมุมใกล้ๆ 90 องศากับ Cable หรือกล่าวอีกก็คือ เค้าไม่ตึงแขนเวลาฉีก ... ถ้าลองไปสังเกตุดูหลายๆ Video น่ะครับ เค้าไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ซึ่งถ้าอ่านมาเจอผมแล้วผมขอพูดครับ เนื่องจากผมมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากพอๆ กับ การฉีกน้ำ และ การกดน้ำเลยด้วยซ้ำ ..... ก่อนจะผ่านตรงนี้ไปผมขอเล่า Side Story อีกน่ะครับ ....
Side Story >> การทำให้เราลอยขึ้นไปบนฟ้านั้นเนี้ย โคตรง่ายเลยครับ เนื่องจากทำยังไงมันก็ลอย แต่ ประเด็นที่ตามมาคือ หลังจากลอยแล้วคุณจะทำอะไรต่อ
เรื่องที่ 1 ผม เคยฝึก Air แบบนี้ครับ ... สมัยก่อนผมก็ไม่กล้าหรอกครับ ทำบ้างไม่ทำบ้าง กล้าๆ กลัวๆ แต่ผมมีท่านึงเป็นเอกลักษณ์มาก คือผมเล่น Wakeboard ไม่จับ Handle เลย คือ เอามาหนีบไว้ระหว่างขาแล้วให้มันลากไป ... พอจะเล่นท่าค่อยเอาออกมา ... ตอนแรกผมชอบมากเลยครับ เล่นแล้วไม่เหนื่อยเลย Happy มาก เพราะมันลากไปเรื่อยๆ ชิวๆ จะเล่นท่าอะไร จะเล่นอุปกรณ์ไหน ค่อยเอาออกมา สะดวกสบายจะตาย .... <<< "ผมแนะนำตรงนี้เลยน่ะครับ อย่าทำ !!! ไม่ว่าคุณจะคิดว่ามันเท่ห์แค่ไหนก็ตาม เดี๋ยวจะหาเวลาพูดเรื่องนี้ท้ายๆตอนสรุปน่ะครับ" >>> คราวนี้พอผมสะดวกมาก ตอนเข้าโค้ง ผมเลยทำเหมือน Air ครับ แต่ไม่จับ Handle คือ หนียไว้ระหว่างขา ฉีก แล้วกดน้ำให้มันลอยๆ น่ะครับ เพื่อนๆ พี่ๆ สมัยนั้นเรียกผมว่า "แต๊บ Air" คือ แต๊บ Handle ไว้ระหว่างขา แล้วมันลอยขึ้นมาเอง
เรื่องที่ 2 เดิมที่ Video นี้ผมได้ทำการ Private ไว้น่ะครับ แต่ผมเอามาเปิดให้เพื่อนๆ ดูกันดีกว่าเพื่อจะได้รู้ว่าผมพูดถึงอะไร ... Video นี้เป้น Video ที่ผมเอง(Admin)หัด Air ช่วงเล่น Wakeboard ใหม่ๆ
ฟัง ผมพูดไปแล้วดูตามน่ะครับ วีดีโอนี้ให้ดูประกอบเฉยๆ ครับ จริงๆ แล้ว ใน video นี้ ผิดทุกอย่างเลยครับ ทั้งการ ฉีก การ ขึ้น สมัยก่อนผมเรียกว่าที่ผมทำได้เนี้ย คือ Air แต่จริงๆ ตอนนี้ ถ้าผมกลับไปบอกตัวเองได้ ผมจะบอกว่า ไอ้อ่อน 555+ ทำไมผมถึงคิดอย่างนั้นครับ
ผมจะบอกให้ครับว่าตอนที่เพื่อนผมถ่าย Video นี้ผมทำอะไรอยู่
ง่ายๆ เลยครับ ตอนเค้าโค้งผมไม่ฉีกด้วยครับ ผมใช้วิธีเอนหลังให้มันมีเหมือนแรงฉีก แต่จริงๆ คือใน Video ผมไม่ฉีกเลยครับ คือเอนหลังไปแล้วในขณะเดียวกันหลังจากเอนหลังไปแล้ว ก็ใช้วิธีการสับ Wakeboard ลงไปในน้ำ ... มันก็ลอยแบบที่เห็นในรูปแหละครับ ... สรุป ผมไม่ได้ฉีกผมก็ลอยได้ แถม ลงได้ด้วย แต่ท่ากากมากกกกก
>> จบ side story มาเข้าเรื่องต่อครับ ผมพูด Side Story ให้ฟัง เพราะว่าผมจะบอกว่า แขนก็สำคัญเช่นกัน หลายๆ คนไม่ได้ให้ความสำคัญในจุดนี้น่ะครับ ผลที่ได้คืออะไร ? จริงๆ ก็ Air ได้เหมือนกันแหละครับ จะไม่มาสนใจแขนก็ได้ แต่คุณอาจจะทำท่าต่อเนื่องได้ลำบาก ... อาจจะจบแค่ที่ท่า Air ไปต่อ Blind Judge ไม่ได้(Air + 180 องศาข้างที่ไม่ถนัด) เพราะอะไรเหรอครับ ?? เพราะว่าเนื่องด้วยแขนคุณตึงมาก คุณจึงไม่เหลือเวลาที่จะทำอะไรต่อแล้ว และก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะ ไม่มีแรงที่จะไปดึงเชือกกลับมาในขณะที่อยู่กลางอากาศ แต่ต่างกันกับ Video แรกน่ะครับ แขนเค้าแถบจะใกล้ลำตัวตลอดเวลา คราวนี้พอจะทำอ่าอะไรหลังจะ Air หรือแม้แต่เวลาในการจัดระเบียบร่างกายยังจะมีมากกว่าผมที่ทำแบบไม่ในใจใน เรื่องแขนโดยสิ้นเชิง
ผมมีภาพประกอบอีกครับ จากที่ผม Air แล้วแขนตึงผลจะเป็นยังไง >> พี่เอ้ (TWP) ถึงกับบอกว่า Got this picture and just want you to take a look! Otherwise, you will hurt your shoulder again. LOCK YOUR ARM!!! , ทำไมพี่เอ้ถึงพูดแบบนี้ ครับ คืออย่างนี้ครับ ผมไหล่หลุดไปแล้วครับ แต่ผมเคยไปลงแข่งงานอะไรสักอย่าง แล้วผมก็มา Air อีก โดยไม่ได้ใส่ใจกับแขนเหมือนเดิม หรือ พยายามจะใส่ใจแล้ว แต่มันไม่เป็นแบบ Video แรก ที่พี่เอ้บอกว่าไหล่ผมจะเจ็บ หรือ หลุดอีกแน่นอน เพราะอะไรครับ ก็ดูจากภาพผมสิครับ เหลือเวลาที่ไหนให้ทำอะไร ? แรงทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น ภาระมันจะไปอยู่ที่ไหล่หมดแล้วน่ะครับ ตามภาพ ... เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไงผมก็จะหลุดอีกแน่นอน พี่เอ้จึงเน้นย้ำว่า LOCK YOUR ARM !!! คือให้ Lock แขนไว้ให้อยู่กับตัว
สรุปน่ะครับ Part แรก ที่สำคัญจริงๆ น่ะครับ คือ
การฉีกน้ำ
การ ฉีกน้ำเนี้ย ยังไงก็ได้แล้วแต่ฉนัดเลยครับแต่ต้องฉีกแล้วนิ่งน่ะครับ หมายความว่า Board ไม่ส่ายไปส่ายมา ต้องฉีกแบบนิ่งๆ น่ะครับ ทำเพื่อเป็นการเพิ่มแรงตึงเชือก จะทำแบบใน Video ที่ 1 ก็ได้ครับ คือให้ Wakeboard ทำมุม ใกล้ๆ 45 องศากับผิวน้ำ กด ส้นเท้าลงไปในน้ำ ถ้าไม่เข้าใจลองฉีกให้ได้ก่อนน่ะครับ เพราะ การฉีกดีมีผลมาก
แนะนำ ควรหัดที่โค้ง 4(กรณี Cable 5 เสา) หรือ โค้ง 3(กรณี Cable 4 เสา) และควรหัดในเวลาที่ไม่มีคนอยู่ข้างหน้า เหตุผลเพราะ ทุกคนสร้างคลื่นครับ คลื่นมีผลมากเวลาเราฉีกครับ แต่ Pro ๆ หรือ ชำนาญแล้ว คลื่นจากคนข้างหน้าทำอะไรเค้าไม่ได้ครับ
เพิ่ม เติม การฉีกมีอยู่ 2 แบบ หลักๆ ครับ คือ Progressive Edging กับ Agressive Edging มันมีความต่างกันอยู่ คือ อันนี้ละเอียดอ่อนครับ ไปถาม โปรๆ น่ะครับ สำหรับผมผมลองมาหมดแล้วครับ ตอนแรกหัด Air ใหม่ๆ เพื่อนผมคนเดิม (โปร ชุ) บอกว่า "ต้า อย่าคิดอะไรเยอะ มึงคิดแค่ว่าฉีกก่ะตายเข้าหาฝั่งเป็นพอ" คำพูดนี้จริงๆ มันแฝงอะไรที่เป้น Technical เยอะน่ะครับ ถ้ามองให้ลึกซึ้ง คือ ท่าเนี้ยอย่างที่ผมบอกไป มันจะง่ายก็ง่ายครับ มันจะยากก็ยาก วิธีที่ชุบอกเนี้ย คือ Agressive Edging ครับ คือการฉีกหนักด้วยความเร็วเท่าเดิม แล้ว ตัดน้ำ หรือ กดน้ำเพื่อให้ลอยขึ้นไป แต่หลังๆ ผมใช้ Progressive Edging น่ะครับ คือ การฉีกมาด้วยความเร็วระดับนึง แล้ว เร่งจังหวะสุดท้ายก่อนจะขึ้น ก็เหมือนกันครับ ถึงบอกว่า อย่าคิดเยอะครับแรกๆ เอาแบบที่โปรชุว่าดีกว่า ลอย Sure 555+
การ Lock แขน
สำคัญ มากและสำคัญที่สุด (คนอื่นอาจจะไม่เป็นปัญหาแต่ผมเป็นปัญหามากครับ) ขอเล่า Side Story มันในหัวข้อนี้เลยน่ะครับและก็ที่มีกล่าวมาข้างบนด้วย .... คืออย่างนี้ครับ ผมน่ะ Air ได้นานแล้วน่ะครับถ้านับตั้งแต่ Video กากๆ ของผมอันนั้น และหลังจากที่ ผมไหล่หลุดไป ผมก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหา ผมก็ยัง Air ได้อยู่ เพราะผมคิดว่าองศาที่จะทำให้ไหล่หลุดได้ มันคือแรงที่มาจากด้านหน้าผลักเข้ามาที่ไหล่ แต่การ Air มันเป็นการดึงเราไปข้างหน้า มันกลับกัน ผมเลยใช้ความใจกล้าหน้าด้าน ฝืนทำต่อไป แล้วก็ทำได้ แต่ก็หัดฉีกใหม่น่ะครับ คราวนี้เน้นฉีกมากขึ้น ผมหัดท่าสุดท้ายก่อนผมจะเลิกเล่นไปพักใหญ่ๆเลยคือ Blind Judge ครับ ผมลง Blind Judge ได้น่ะ แต่ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ไม่เจ็บ เพราะมันลงน้ำแล้วผมรักษา Stable ไว้ไม่ได้ และก็ไม่ค่อย sure เรื่องการ Blind ด้วย แต่ผมก็ยังไม่สามารถ Lock แขนไว้ได้อยู่ดี อาศัย Technic ล้วนๆ ครับ
ทำไม ผมถึง Lock แขนไม่ได้ .... ต้องตอบแบบนี้ครับ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผม Air ผม ในหัวผมมีแค่ 2 จังหว่ะที่มีสติน่ะครับ คือตอนฉีก กับตอนจัดระเบียบร่างกายในตอนลง .... แปลว่าอะไร มีจังหว่ะนึงที่สติผมหายไปเลยครับ คือ จังหว่ะขึ้น ... ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขึ้นไปได้ยังไง มันจึงไม่แปลกเลยที่ว่าทำไมแขนผมถึงตึง เพราะผมไม่มีสติแม้แต่จะรู้ว่าแขนผมตึงไปข้างหน้าแล้ว แม้จะพยายามหนีบไว้กับตัวแค่ไหน แต่พอลอยขึ้นไป มันไม่รู้สึกถึงแขนเลย รู้ตัวอีกทีคือตอนจะลงแล้ว ... ผมเรียกจังหว่ะนี้แหละครับ ว่าจังหว่ะที่ 1.5 หรือ Part 1.5 คือ จังหว่ะช่วงที่ขึ้นหลังจากตัดน้ำแล้ว สาเหตุเพราะอะไร ??? เรื่องแต๊บไงครับ จำได้มั้ย ??? ผมแต๊บจนเคยตัว จนเคยชิน พอจะ Air ค่อยเอามันออกมา แล้วทำ ผมสรุปได้เลยครับ ว่าแขนผมมันมีแรงไม่พอที่จะรับรู้ถึงเชือกที่ดึงไป ผมกลับมาเล่นใหม่ครับ หลังจากไม่ได้เล่นมาเกือบ 5 ปี ผมไม่แต๊บอีกเลย และสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าผมจะแต๊บวันไหน แปลว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเลิกเล่น Wakeboard แล้วครับ (หากเหนื่อยจริงๆ เอามาคล้องแขนยังพอได้น่ะครับ แต่เอามาแต๊บเนี้ย ทุ่นแรงแบบสุดๆ และมันกลายเป็นว่ามาเล่น Wakeboard เพื่อมาชื่นชมธรรมชาติ ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเลย)
สรุป ผลจากการกลับมาเล่นประมาณ 1 เดือน กว่าๆ อาทิตย์ล่ะ 1-2 ครั้งโดยประมาณ ผมตัดสินใจ Air อีกรอบนึงครับเมื่อวานนี้ (6 Feb 2014) ผมทำเหมือนเดิมครับ ฉีกปกติ เน้นจังหว่ะสุดท้ายนิดนึง แล้ว สับ Wakeboard ลงไปในน้ำในขณะที่เหน็บแขนไว้ข้างลำตัว ..... Amazing ผมรู้สึกแล้วครับ จังหว่ะที่ขึ้น ผมรู้เลยว่าแขนผมมี แรงมาสะกิดนิดนึง แต่ผมยังคงรูปร่าง ให้ใกล้เคียง 90 องศาเหมือนเดิมได้ (จริงๆ ไม่ขนาด 90 หรอกครับ แต่ให้เรามโนเอาว่าเป็นแบบนั้นน่ะครับ) พอรู้ว่ามีแรงมากระทำ แล้วมันไม่ได้ดึงเราไปข้างหน้ามากมายเหมือนแต่ก่อน ร่างกายผมก็เริ่มจัดรูปร่างเตรียมลงโดยอัตโนมัติครับ สรุปผลที่ได้ Clean And Clear ครับ ผมดีใจมากเพราะนี้แหละ ท่า Air ที่ผมต้องการจริงๆ มันคือแบบที่ผมทำได้เมื่อวาน
เพิ่มเติมนิดนึงครับ ที่ผมบอกว่า ฝึก Air ออก จาก Dock Start ได้เนี้ย คือ ช่วยในจังหว่ะ 1.5 เนี้ยแหละครับ มันคือ Feeling เดียวกัน คือ เชือกกระชากเราไป แต่เรายังควบคุมตัวเองได้ ผมจึงมองว่ามีส่วนมากๆ ครับ ในการช่วย (ปล. ผมไม่เคยฝึก Dock Start แบบ Air ออกน่ะครับ กลัวทำไม่ได้อาย 555+ แต่เดี๋ยวว่าจะหาโอกาศฝึกครับ เท่ห์ดี)
การตัดน้ำ
เรื่อง นี้หลายคนพูดง่าย แต่ทำ ยาก .... การตัดน้ำ กดน้ำ เฉือนน้ำ หลายหลายคำพูดมากครับ เรื่องนี้ผมแยกยากน่ะครับ แต่ที่แน่ๆ เลย คือ ไม่ใช่การกระโดดน่ะครับ อันนี้ผมบอกได้แน่ๆ การที่คุณฉีกมาเหมือน Air แล้วกระโดด มันทำให้กระโดดสูงน่ะครับ แต่มันไม่ใช้ Air แยกประเด็นก่อน มันจะมีอีกแบบบนึงที่เค้าฉีกกันหล่อๆ แล้วกด Handle ต่ำๆ แล้วมันจะดูเหมือนกระโดด อันนั้น Technical มากแล้วครับ ผมก็ไม่ทราบว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่มือใหม่ที่แน่ๆ ไม่ใช่กระโดดแน่นอนครับ จะต้องทำอย่างใดอย่างนึงคือ การตัดน้ำ, เฉือนน้ำ หรือ กดน้ำ
ส่วนนี้ ผมบอกตรงๆ น่ะครับ ผมไม่ชำนาญจริงๆ คือ เคยถามพี่ อ้ำ Thai Wake Park พี่อ้ำใช้การเฉือนน้ำลอยขึ้นไปน่ะครับ แต่ผมไม่ได้ทำแบบนั้น ผมทำแบบนี้น่ะครับ (ในความรู้สึกผมน่ะครับ) คือ ฉีกไปแล้ว ใหม่ๆ ไม่รู้หรอกครับว่าจังหว่ะไหนควรจะตัดน้ำ จึงให้ยึดหลักการอาจารย์ ชุ ของผมครับ คือ ฉีกก่ะตายเข้าฝั่ง นับ 1-2-3 แล้ว ตัดลงไปเลย ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น .... มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ เพียงแต่ตอนอาจารย์ชุ พูด ไม่ได้บอกให้ Lock แขน หรือ บอก แล้วผมไม่จำก็ไม่รู้ ผมสรุปเรียบเรียงใหม่ให้กับคนที่อยากจะหัดน่ะครับคือ
>> ฉีกเข้าฝั่งให้แรงที่สุด พร้อมกับ Lock แขนไว้ พยายามให้รู้สึก 90 ที่สุด >> นับในใจ 1 - 2 - 3 หรือ จะแค่ 1 - 2 ก็ได้ แล้วแต่ความสบายใจ เสร็จแล้ว ก็ตัดน้ำเลยครับ
วิธีการตัดน้ำของผมคือ ทิ้งน้ำหนักไปที่ส้นเท้าทั้ง 2 ข้างด้วยน้ำหนักที่เท่าๆ กัน มันก็จะลอยขึ้นอย่างเท่าๆ กัน เท่านั้นเองครับ
ถ้ากดข้างไหนมากกว่า / น้อย กว่า ก็ไม่เป็นไรครับ มันก็จะบิดๆ นิดหน่อย เดี๋ยวร่างกายเราไปจัดระเบียบเองบนฟ้าได้ครับ
วิธีการฝึก Part ที่ 2 (จังหว่ะลง)
วิธี การคือ ทำบุญเยอะๆ 555+ ทำไมผมพูดแบบนี้ ... คือจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยครับว่าร่างกายผมจัดระเบียบยังไง มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ แต่จริงๆ มันก็มี Technic อยู่ครับ อันนี้คือมีคนบอกมาน่ะครับ ผมไม่ได้ทำ หรือ ทำโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าผมก็ไม่รู้
วิธีการลงให้เร็วคือ ดึง Handle มาต่ำๆ ต้ำกว่าอกได้ยิ่งดีครับ มันจะเป็นการบังคับให้เราจัดร่างกายพร้อมลงโดยอัตโนมัติ เท่านี้เองครับ
ปัญหาและอุปสรรค์ระหว่างการหัดท่า Air
1.เนื่องจาก ท่านี้เป็นท่าที่ใช้ความกล้าและอันตรายพอสำควร Technic ที่จะทำให้เป้นท่านี้เร็วคือ ลากเพื่อนไปหัดด้วยครับ ไปทำที่โค้ง เสร็จแล้ว ให้เพื่อนที่เป็นทัพหน้า ตกน้ำไปก่อน ไปที่ฝั่งเพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนอีกคนที่กำลังจะมาเจ็บเหมือนเรา 555+ ผมไม่รู้คนอื่นคิดว่าสำคัญหรือเปล่า แต่สำหรับผมโคตรสำคัญ บอกตรงๆ ว่าถ้าไม่มีเพื่อนช่วยบิ้ว หรือ ไม่มีคนหัดเป็นเพื่อน ผมว่าผมทำไม่ได้น่ะครับ
2. ป๊อดดดด .. ไม่แปลกเลยครับที่จะป๊อด ผมเองยังป๊อดอยู่เลย ผมนั่งทำใจทำสมาธิมาก แม้แต่ครั้งล่าสุดที่เพิ่ง Air ไป ก็ทำใจมาก วนในสนามอยู่หลายรอบมาก รอจนคนข้างหน้าไม่มี รอจนเชือกตัด บลาๆ ขนาดถึงกับบอกให้คนที่ปล่อยเชือกช่วยดูผมด้วยเผื่อผมเป็นอะไรไปจะได้รีบไป ช่วย กลัวถึงขนาดนั้น รอบแรกบอกคนปล่อยเชือกไปน่ะเค้าบอกเป็นอย่างดีจะรีบไปช่วย แต่ผมอายตรง ผมไม่ได้ทำในรอบนั้น 555+ ประเด็นคือ ข้างหน้าผม 2 คนด้วยแหละครับ คลื่นมันเยอะ กากๆ อย่างผมขอเรียบๆ เท่านั้น
3. หัดแล้วไม่เจ็บครับ ลอยได้ แต่หันหลังลง อันนี้ร้ายแรงครับ เนื่องจากกล้ามเนื้อมันจำไปแล้ว ว่าหันหลังลงไม่เจ็บ สัญชาติญานการเอาตัวรอดของมนุษย์ น่ะครับ ก็เลยกลายเป็นว่าหันหลังลงตลอด คราวนี้ลำบากตรง จะไม่ได้เอาหน้าลงสักทีมันก็ลงไม่ได้ ผมแนะนำเลยน่ะครับ ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ ไปหัดท่าอื่นเลยครับ ให้ร่างกายมันลืมๆ ไปก่อน แนะนำให้ไปหัด Backroll ครับ ดีไม่ดีง่ายกว่า Air อีกครับ เสร็จแล้ว ให้เวลาผ่านไปสักพักค่อยกลับมาหัด Air ใหม่
จบแล้วครับ เท่านี้แหละครับี่ผมอยากจะมา Share ให้ฟัง ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้น่ะครับ ผมบอกแล้วผมไม่ใช่โปร การที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะผมเข้าใจว่าไปหาอ่านเป็นภาษาไทยน่าจะ ไม่มี ลอง Search Google ดูสิครับ และ ผมก็อยากจะให้เห็นมุมมองของการหัดดูครับ เผื่อจะช่วยลดการบาดเจ็บของเพื่อนๆลงได้บ้างน่ะครับ
สุดท้าย นี้ฝากไว้เลยน่ะครับ จะ อ่าน Technic มาเยอะแค่ไหน สิ่งที่สำคัญกว่า Technic ทั้งมวดคือ ใจ น่ะครับ ต้อง 100% กับทุกท่าที่คุณหัด ห้ามลังเล เพราะไม่ฉะนั้นขบไม่สวยแน่ๆ ครับ
โชคดีกับการบินน่ะครับ เดี๋ยวถ้าได้ถ่าย Video ตอนผม Air แล้วจะเอามาให้ดูน่ะครับ
ผมเพิ่งเริ่มเล่นกีฬานี้ เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านบนความคุณจะนำไปฝึกและปรับใช้ครับ ขอบคุณมากเลยครับ
ตอบลบ