<<< ยังเขียนไม่จบน่ะครับ กำลังไปเขียนกระทู้ใหม่ >>>
[b][color=#BF00FF][size=150]สถิติการบาดเจ็บจากการพยายามทำ Air Relay กับ 2 เสา (Sesitec 2.0) ที่อยู่ภายใต้การแอบสอดส่องดูแล แบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ คือ 0% จาก 3 คน :D :D :D [/size][/color][/b]
สวัสดีครับ Admin ขอมาเม้ามอยยยย อีกแล้ว 555+ แต่ครั้งนี้มาแบบ สาระเต็ม ... เต็มจริงๆ ค่อยๆ อ่านน่ะครับ
[color=#800040][b]หลายคนอาจจะสงสัย ???[/b][/color]
[b][color=#800000]Admin ทำบ้าอะไร ทำไม อะไร Technic หัด Air มีตั้ง 2 กระทู้ มันแปลว่าอะไร ???[/color][/b]
[b][color=#0080FF]คำตอบ ....
ผมเห็นแล้วอดจะพูดไม่ได้ 100 ล่ะ 99.99% ของคนเล่น Wakeboard หลังจากพอวนครับรอบบึงได้ อยากจะ Air !!!!
นี้ขนาดผมเขียนอธิบายแบบ Version ธรรมดาอย่างละเอียดไปแล้วน่ะครับ กับ กระทู้แรก ก็ยังมีหลายคนมาถามว่าทำยังไง ทำยังไง ... ผมอ่ะ ไม่ได้อยากจะพูดอะไรเยอะแล้ว เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะพูดไปส่วนใหญ่ก็ไม่ทำ หรือ ถ้าทำก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จริงๆ หรือ จริงๆ ฉีกยังไม่แน่นเลย จะทำซ่ะแล้ว ไม่รอให้ร่างกายมันเข้าใจการฉีกเพื่อ Air เลย จริงๆ ไม่เข้าใจผมไม่แปลกใจครับ เพราะท่าเนี้ย ต้องทำให้มันลอยก่อนแล้วท่านจะเข้าใจได้ด้วยตัวเองว่า ที่ผมพูดๆ ฝอยๆ เยอะๆ อ่า มันคืออะไร ผมเลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จัด Train ให้เลยดีกว่า ... พาไปหัดเลย จะได้รู้ว่าเป็นยังไง[/color][/b]
กระทู้นี้อาจจะไม่ใช้ How To น่ะครับ เพราะผมไม่อยากจะมาพูด มาสอน แบบที่ผมยังไม่เห็นจริงๆ เลย ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ฉีก Air กันอย่างไร ....
[color=#800040][b]คำถามต่อมา แล้ว Admin จะมีจั่วหัวว่า "เทคนิคการหัด Air แบบไม่เจ็บตัว(มั้ง) กับ Cable 2 เสา" ทำส้นตึกอะไร???[/b][/color]
[b][color=#0080FF]คำตอบ ....
ผมจะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อดูว่าถ้าหัด Air ตามแนวทางของผมแล้ว จะมีผู้บาดเจ็บจนถึงขึ้นไม่อยากเล่นอีกหรือเปล่า หากมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ผมจะปิดกระทู้นี้ลง และ จะไม่ทำการแนะนำการหัดท่านี้อีกต่อไป เพราะการที่ผมออกมาพูด ออกมา สอน แปลว่าผมมีส่วนในการทำให้ท่านบาดเจ็บ ถึงแม้ตัวท่านเองก็รู้ว่าเป็นความเสี่ยงของท่าน หวังว่าคงเข้าใจตรงกันน่ะ ... No drama ผมแค่อยากจัดให้เพื่อนๆ ตามที่เพื่อนๆ Want เท่านั้นเอง !!! เข้าใจตรงกันน่ะ :)
[/color][/b]
อธิบาย เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2 เสาในการ Air
การเล่นท่า Air Relay จะบอกว่ายากก็แสนยาก จะบอกว่าง่ายก็แสนง่าย ... แต่กระทู้นี้ไม่ได้พูดเรื่องความง่ายความยาก แต่จะพูดเรื่องความเข้าใจ / มุมมอง / บันทึกเหตุการณ์ ของแต่ละคนที่หัดท่านี้กับ Cable 2 เสา จริงๆ อาจจะเปรียบเหมือน Diary ที่ผมจดบันทึกเพื่ออธิบายให้เพื่อนๆ ที่หัดกันใหม่เข้าใจ เพราะผมเองผ่านจุดนั้นมานาน แล้ว และแต่ละคนก็มีปัญหาที่ต้องแก้แตกต่างกันไป
เข้าเรื่องได้ล่ะ ผมวกไปไกลตลอดเลย ...
เอา Version สั้นๆ บ้างน่ะครับขอสรุป Step การ Air คือ
1. การฉีก (มีทั้งแบบ Agressive และ Progressive แรกๆแยกไม่ออกหรอกครับ ฉีกๆ ไปเถอะ)
2. การตัดน้ำ (ผมไม่ค่อยเรียกว่ากดน่ะ ผมชอบเรียกว่าตัด มันได้ Feel กว่า เพราะผมรู้สึกเหมือนเอากรรไกรยักษ์ มาตัดน้ำมากกว่า 555+ แต่ก็แล้วแต่จะเรียกครับ)
3. การลอยตัวขึ้นไป
4. การ Landing
มีแค่เนี้ยอ่ะครับ ผมไม่รู็จะแตกยังไงให้มากกว่านี้แล้ว
FullCable Air กับ Sesitec 2.0 (2 เสา) Air ต่างกันยังไง
1. การฉีก
Cr.Pro ชุ เพื่อนผมกล่าวไว้ว่า เห้ยย ต้า กูว่า 2 เสามึงอย่าเรียกว่า ฉีก Air เลยหว่ะ เรียกว่า Take ตัวแอร์ ดีกว่า ....
ขยายความ คืออย่างนี้ครับ ถ้า คุณ ทำท่า Air Relay ที่ FullCable เนี้ย ต้องการการฉีกที่แน่น, นิ่ง แต่ Sesitec 2.0 ไม่สนอะไรเลยครับ จริงๆ ไม่ต้องฉีกยังได้เลย ก็สามารถ Air ได้เชื่อมั้ย ???
2. การตัดน้ำ
อันนี้โคตรสำคัญ ทั้ง FullCable และ 2 เสา ..... จากการสังเกตุพบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหากับการตัดน้ำ หรือ จะเรียกว่ากดน้ำก็แล้วแต่
3. และ 4. ขี้เกียจอธิบายครับ มันไม่ค่อยสำคัญ มันก็เหมือนกัน
สรูปเป็นตารางข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบในการ Air Full Cable กับ 2 เสา
Pro. (ข้อดี)
1. หัดไปเถอะ โอกาสเจ็บน้อยมาก ส่วนใหญ่ไม่เจ็บเบยยย
2.
Cons (ข้อเสีย)
1. เสียนิสัย ฉีกไม่เป้น
2. เล่นบ่อยๆ ร่างกายมีโอกาสจำการจัดระเบียบร่างกายแบบที่ลงได้ แต่พอเอาเข้าจริงเล่น Full Cable Park ถ้าจำ Feel เดิมตอนลงได้ แต่ มาทำ Full cable แล้วใช้เวลาเท่ากัน หรือ ขึ้นตัดไม่ดีอาจะเคยขินจนใช้ความรู้สึกเดิม เพราะฉะนั้นเวลาลงช้า Board เราอาจจะปักน้ำได้ ถ้า เป้นแบนั้น ไม่ต้องพูดถึง เจ็บสถานเดียว เพราะหน้าจะฟาดน้ำ!!!
Cons (ข้อดี)
1. ได้ท่านั้นๆ เร็ว มีความเข้าใจในองค์ประกอบของภาพ
[Tips] เทคนิคการ Air Raley
วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
[Tips] เทคนิคการฝึกเล่น Wakeboard สำหรับมือใหม่ที่ควรทราบ !!
ผมอีกแล้วครับ คนเดิม Admin กากๆ คนเดิม ก่อนอื่นต้องขอออกตัวกับทุกๆ
ท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านน่ะครับไม่ว่าจะเป็นมือเก่ามือใหม่ ชั้นเซียน ชั้นครู
ไหนๆ ก็ตาม ... ผมไม่เก่งน่ะครับ
ผมไม่ได้มีความสามารถอะไรเยอะแยะมากมายกับการเล่น Wakeboard
อ่านกระทู้ผมแล้ว ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้น่ะครับ ผมแค่มา Share ให้ฟังเฉยๆ
เอาไว้ให้คนที่ไม่มีแนวทาง ไม่กล้าถามใคร เอาไว้ได้อ่านน่ะครับ
ที่มาเขียนเนี้ยเพราะมีคนขอ ผมเลยจัดให้
ก่อน อื่นต้องขอบอกก่อนน่ะครับ ผมไม่เล่น Wakeskate ... ถ้าผมจะเล่น ผมคงจะเอาไว้ฝึกท่าบนผิวน้ำเช่นการหมุน 360 / หมุน Blind (180 ข้างทวนเข็มนาฬิกา) แต่คงจะไม่ขึ้นอุปกรณ์ ไม่ ชูบบ (ไม่รู็เค้าเรียกว่าอะไร ที่แต๊ะ ๆ ขึ้นมาน่ะครับ) แต่จริงๆ แล้ว การเล่นทั้ง Wakeboard และ Wakeskate ก็เป็นสิ่งที่ดีน่ะครับ Basic ของ Wakeboard และ Wakeskate มันเอาไว้ช่วยเสริมกันได้ ....
เข้าประเด็นแรกก่อนน่ะครับ ก่อนที่จะไปเรื่องอื่น เพราะเรื่องนี้ก็เรื่องใหญ่ !!!
เรื่อง FIN
ใหญ่ ยังไงเหรอครับ .... ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Trend ของการเล่น Wakeboard เปลี่ยนไปตอนไหนผมก็ไม่ทราบ แต่ที่ทราบๆ คือ Pro Rider ถอด Fin กันเล่นเกือบหมดแล้วครับ !!! เนื่องจากผมไม่ได้เล่นมา 3-4 ปี เลยไม่ได้เห็นพัฒนาการการเปลี่ยนไปชองวัฒนธรรมนี้ ... แต่ผมวิเคราะห์ ได้เลยครับ .... ถอด Fin เล่น เพราะ อุปกรณ์ มากขึ้น และ แถม สนุกขึ้นด้วยสิ ... ผมเคยใช้ Slingshot Recoil 2013 ตอนแรกผมเล่นก็ใส่ Fin ตาม Style ขึ้น อุปกรณ์ ปกติ เพราะเคยชินกับแบบเดิมๆ มีอยู่วันหนึ่ง Fin ผมหัก เนื่องจากเล่นอุปกรณ์ ผมเลย จำใจต้องถอด เพราะมันไม่ Balance ..... ผลที่ได้คืออะไรรู้ไหมครับ !!! ผมไปลองเล่น Table Top ที่ TWP ... ปรากฎว่า พอขึ้นไปปุ๊ป หมุนให้ผมเลยครับ 180 องศา เรียกว่า ซัดไปก่อนเลย โดยที่ยังไม่ได้ทำท่าอะไรเลย 555+ แล้วอยากจะยัดท่าอะไรต่อจากนั้น ก็ตามใจชอบเลยครับ .... ผลที่ได้ก็คือ จริงๆ แล้ว ถอด Fin เล่นเนี้ย อุปกรณ์ จะสนุกขึ้นมากครับ .....
แต่ !!!!
เวลาฉีกน้ำ นรก แตกเลยครับ ... หลุด ปลิ้น ลื่น .... CR. แอบฟังพี่อั้ม เจ้าของ บึง Thaiwakepark บอกมาว่า ลองไปเล่น Wakeskate แล้ว กลับมาเล่น Wakeboard แบบไม่ใส่ fin ดู คราวนี้จะรู้ว่ามันนิ่งขึ้น 555+ เห็นมั้ย ครับ พื้นฐาน Wakeskate กับ Wakeboard ช่วยกันได้จริงๆ
สรุป แล้ว ผมพูดมาทำส้นตึกอะไรเรื่อง Fin !!!
ประเด็น มันคืออย่างนี้ครับ ... ถ้าอ่าน Guide ของผมแบบเปิดใจรับฟังน่ะครับ ผมอยากให้หัดใหม่ๆ ใส่ Fin มากกว่า เดี๋ยวอ่านไปแล้วจะเข้าใจว่าทำไมน่ะครับ เริ่มกันเลยดีกว่า
หลังจากผมนอกเรื่องมานาน ขอเข้าประเด็นเลยน่ะครับ
คำถามยอดฮิต หลัง จากที่มือใหม่ทุกท่าน สามารถเล่น Wakeboard วนได้ครบรอบบึงแล้ว ทำอะไรต่อ !!!
สิ่ง ต่อไปที่ควรทำแม้มันจะขัดกับความรู้สึกของท่านก็ตามคือ ตาม Step ด้านล่างที่ผมเขียนไว้น่ะครับ เรียงลำดับตามตัวเลขเลย ไม่เชื่อไม่เป็นไรน่ะครับ ผมแค่มาเสนอแนวทางเฉยๆ อย่างที่ผมบอกไปแล้วครับ ผมไม่เก่งนร้าาาา ยอมรับ
1. เล่น Wakeboard โดยเล่นข้างที่ไม่ถนัด ให้ครบรอบบึงเช่นเดียวกันกับข้างที่ถนัด
อธิบาย เพิ่มเติมให้น่ะครับ ยังไง Wakeboard ก็ต้องเล่นได้ทั้ง 2 ข้างครับ ทั้ง ขวานำและ ซ้ายนำ .... เหตุผลสนับสนุนผมมีเพียบ ใครขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปข้อ 2 ได้เลยน่ะครับ ....
อธิบายประเด็นแรกก่อนทำไมต้องใส่ fin ... เพราะประเด็นแรกคือ ถ้าคุณเล่นถนัดขวา แปลว่า ตอนอยู่บนน้ำคุณต้องเปลี่ยนเป็นซ้ายนำถูกต้องไหมครับ ??? เพราะฉะนั้น ถ้าคุถอด Fin แปลว่าคุณจะหมุนเปลี่ยนข้างได้ง่ายมากๆ ง่ายไปก็ไม่ดีสิครับ 555+ ให้ใส่ Fin เพราะจะได้หมุนยากๆ หน่อยครับ จะได้ฝึกการใช้แรงในการบิดน้ำ ... เพราะถ้าไม่ใส่ fin มันก็ไม่ต่างจากคุณ หมุน 180 บน Table Top หรอกครับ จริงมั้ย ?
อธิบายประเด็นต่อมา ... ผมขอเปรียบเทียบ Wakeboard กับ Snowboard น่ะครับ ... รู้ไหมครับว่า Snow Board ส่วนใหญ่ ความยาวระหว่าง ด้านหัว Board กับ ท้าย Board มันไม่เท่ากัน หรือกล่าวอีกแบบนึงคือ มันไม่ Symetric คือ ไม่สมมตรา .... บางคนอ่านแล้วงง ตอนแรกผมก็งง ครับ เพราะตอนเล่น Snowboard ใหม่ๆ ผมเล่น Wakeboard มาก่อน ไม่เคยเห็น Board ที่มันไม่สมมาตร ... ที่เค้าทำไม่สมมาตราเพราะว่า คนส่วนใหญ่เล่นข้างใดข้างนึง นำครับ ถนัดซ้ายก็เอาซ้ายนำ ถนัดขวาก็เอาขวานำ ... เอ๋ แล้ว Snowboard แบบ สมมาตราละมีมั้ย ... คำตอบคือมีครับ และ แพงด้วย เค้า เรียก Free style Board โดยส่วนใหญ่ คนที่เล่นแบบนี้ก็จะเล่นทั้ง ขวานำและ ซ้ายนำ ศัพท์ ภาษาอังกฤษ เรียก Goofy กับ Regular (Regular นี้ซ้ายนำมั้งครับ ผมจำไม่ได้) สรุป ก็คือ ลองไปดู Video SnowBoard ที่เค้าเล่น Half - Pipe ดูน่ะครับ หรือ Park ต่างๆ ดูก็ได้ ส่วนใหญ่เป็น Free Style Board หมดครับ และ Proๆ SnowBoard ก็ต้องเล่นได้ทั้ง ซ้ายและขวาครับ
กลับมาถึง Wakeboard ผมพูดออกทะเลไปไกลมาก สรุปเลยน่ะครับ คือ เนื่องด้วย
Wakeboard มัน สมมาตร เพราะฉะนั้น จึงทำให้ผู้เล่นควรเล่นได้ทั้ง ซ้ายและ
ขวาอยู่แล้ว เพราะถ้าจะเล่นข้างเดียว จริงๆ แปลว่า Board หน้า หลัง
มันต้องยาวไม่เท่ากัน ตามหลัก ของ Snowboard ฮับ !!!
(นั่งเทียนจินตนาการเอาครับ 555+ วิเคราะห์กันเอาเองน่ะครับ)
อธิบาย ประเด็นต่อมาอีก ยังไม่จบ ทำไมต้องเล่น ข้างที่ไม่ถนัดด้วย ???? ... ถ้าคิดว่าจะเล่น Wakeboard แค่วนครบรอบแล้วสนุก ก็ไม่ต้องสนใจที่ผมพูดก็ได้ครับ ความสุขของคนเราต่างกัน แต่ถ้าคิดจะเล่นอุปกรณ์ต่างๆ หรือ เล่นไปมากกว่านี้ ต้องเล่นข้างที่ไม่ถนัดด้วยครับ ...... เหตุผลเพราะ .... ถามจริงๆ ครับ คิดเล่นๆ น่ะ คิดว่าสมมติ ว่าคุณขึ้น อุปกรณ์ แล้วเกิดพลาด แล้ว ข้างที่ไม่ถนัดดันโดนน้ำก่อน คุณจะทำยังไงครับ ?? ก็อาจจะตกน้ำ ว่ายเข้าฝั่ง ขึ้นมาเล่นใหม่ ทำเหมือนเดิม .... โอเคครับ ถ้าเล่น ตัวเล็กๆ อ่า พลาดมามันไม่เป้นอะไรมากหรอกครับ แต่ถ้าไปเล่นตัวใหญ่ แล้ว พลาดท่าประหลาดๆ ขึ้น มา การที่ไม่มี Basic ของการเล่นข้างที่ไม่ถนัดเนี้ย แปลว่าร่างกายคุณก็จะไม่มีปฎิกริยา Reflex เลย ว่าเวลาลงมาข้างที่ไม่ถนัดมันเป้นยังไง ... สรุปกล่าวคือ การที่เล่นข้างที่ไม่ถนัด ช่วยลดอาการบาดเจ็บ จากการที่พลาดท่าประหลาดๆ ได้ส่วนนึงน่ะครับ
2. Edging ... หรือ การฉีกน้ำ
หลัง จากที่ทำตามข้อ 1 ได้แล้ว อาจจะใช้เวลาสักพักน่ะครับ อย่าเพิ่งใจร้อน แรกๆ ผมก็ลำบาก กว่าจะใช้ ซ้ายนำเข้าโค้งได้ ใช้เวลาพอสมควรครับ .... หลังจากจบข้อ 1 จะได้ Skill ใหม่มาทางอ้อมคือ เราสามารถเปลี่ยน ซ้ายเป็นขวา ชวาเป็นซ้ายได้อัตโนมัติ แสดงว่าคุณได้ Skill การหมุน 180 มาฟรีๆ เลยเห็นไหมครับ แม้ว่าจะเป็นการเล่นบนผิวน้ำแต่มันก็เป็นท่าน่ะฮีาบบบ
การ ฉีกน้ำคือ อารัยยยย ??? เออ คือการฉีกน้ำครับ การฉีกน้ำมี 2 แบบ หลักๆ แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรเยอะครับ มันมี Progressive Edging กับ Agressive Edging ไว้ Advance กว่านี้แล้ว ถาม Pro แล้วกันน่ะครับ มันมีผลต่อการทำท่า แรกๆ ผมก็ไม่รู็หรอกครับว่ามันต่างกันยังไง จนตอนนี้ผมก็อาจจะยังไม่รู้ด้วย 555+ สรุป อย่าคิดเยอะ ครับ ฉีกก็คือฉีก คิดแค่นี้ก่อน พยายามใช้ส้นเท้ากดลงน้ำ ให้จินตนาการว่า Wakeboard ทำมุม 45 องศากับผิวน้ำ(ซึ่งจริงๆ มันไม่ถึงก็ไม่เป้นไรครับ เน้น Mind Set ไว้ก่อน 555+) ถ้าคุณเอาขวานำแปลว่า คุณ จะต้อง ฉีกออกไปด้าน ขวา เค้า เรียก Heel Side Edging (ถ้าศัพท์ไม่ถูกขออภัยน่ะครับ) คือการเอาส้นเท้าฉีกไปทางทิศทางปกติที่มันควรจะเป็น แรกๆ ถ้าถนัดขวาก็ฉีกไปทางขวา แล้ว มาตั้งตรงใหม่ แล้วก็ฉีกไปใหม่ครับ ถ้าซ้ายนำก็ทำกลับกัน ... แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่ข้อ 1 ครับ คือ คุณต้องฉีกได้ทั้ง ซ้าย นำ และ ขวานำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .... แต่ใจเย็นๆ น่ะครับ จริงๆ ผมอยากให้ฝึกถึงชั้นว่า เอาข้อ 1 กับ ข้อ 2 มารวมกันเลยคือ ขวานำ ฉีกไปทางขวา เสร็จแล้ว เปลี่ยนเป็นซ้ายนำฉีกไปทางซ้าย เสร็จแล้ว ทำกลับไปกลับมารอบบึง ไม่ต้องสนใจว่าตอนเข้าโค้ง จะขาไหนนำ เพราะถ้าถึงเวลานั้น ขาไหนนำคุณก็เอาเข้าโค้งได้จริงไหมครับ ??? ที่ผมบอกนี้คือปลายทางน่ะครับ คือแรกๆ ทำไม่ได้หรอกครับผมเข้าใจ ก็ให้ฝึก Edging ก่อน โดยการฉีกไป แล้วตั้งลำตรง แล้ว ฉีกใหม่ พอคล่องๆ ก็ลองค่อยๆ เพิ่มซ้ายขวาดูน่ะครับ ค่อยๆ ปรับ กีฬานี้ไม่ต้องแข่งกับใครเลยครับ ตัวเองล้วนๆ
ปล. เพิ่มเติมน่ะครับ สำหรับ คนที่อยากจะฝึกขั้นที่ 1 และ 2 ผมแนะนำน่ะครับ Lakepoint ช่วยคุณได้ ... ทั้งบึงมีอุปกรณ์ตัวเดียว เหมาะแก่การฝึกฝนเป็นอย่างมากครับ เพราะ ถ้าฝึก TWP อาจจะโดนอุปกรณ์ ยั่วยวนจนทำให้เกิดกิเลิส อยากจะเล่น อุปกรณ์ จนข้าม Basic ไป 555+
3.Popping / Ollie ... หรือ การกระโดดบนผิวน้ำ แบบ กระโดดซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้ายได้น่ะครับ
เชื่อ มั้ยครับ กว่าจะมาถึงขั้นที่ 3 เนี้ย ผมว่าถ้าคุณผ่านการฝึก Step 1 กับ Step 2 มาแล้วเนี้ย เล่นเฉยๆ ผมก็นึกว่า เป็น Pro แล้วครับ การที่คุณ ผ่าน ข้อ 1 และข้อ 2 มาได้เนี้ย ทำบ่อยๆ เนี้ย Basic จะแน่นกว่าผมอีกน่ะครับ ผมอ่ะ ข้าม Step มาเยอะ มาก สุดท้าย ก็ต้องกลับมาที่ Basic อยู่ดี Basic เป็นรากฐานของทุกอย่างน่ะครับ จำไว้
ไม่เชื่อลองเล่นแล้วให้เพื่อนถ่าย Clip ดู แค่ ผ่านข้อ 1 ข้อ 2 ได้ก็สาว กรี๊ดแล้วครับ 555+
ร่าย มาเยอะอีกแล้ว สรุป ข้อ 3 ทำอารายครับ .... การ Pop บนผิวน้ำ ไม่มีอะไรมากครับ เดิมคุณบิดซ้ายเป็นขวา , ขวาเป็นซ้ายได้แล้ว คราวนี้ไม่ให้บิดครับ ให้กระโดดเลย กระโดดเปลี่ยนข้าง ... ผมอธิบายการ POP น้ำ Style ของผมไว้อย่างละเอียดที่กระทู้นี้แล้วครับ ลองไปอ่านดู http://www.wakeclub.in.th/viewtopic.php?f=3&t=2
4.Toe Side Edging หรือ การฉีกแบบประหลาดๆ 555+
คือ จริงๆ แล้วเนี้ย ข้อ 3 หรือ ข้อ 4 เนี้ย ผมว่าหัดอันไหนก่อนก็ได้น่ะครับ แล้วแต่ ชอบ ... Toe Side Edging คือ อารัย ??? อธิบายแบบ งงๆ คือ ถ้าคุณเอาขวานำให้คุณฉีกไปด้านซ้าย แต่ถ้าคุณเอาซ้ายนำ ให้คุณฉีกไปด้านขวา แล้วทำซ้ำไปซ้ำมา เหมือนข้อ 2 น่ะครับ ลองดูครับเดี๋ยว Get เอง
5.Blind 180 องศา
ผมพูดมา 4 ข้อแล้ว เห้นมั้ยครับ ผมยังไม่ได้ให้ขึ้น อุปกรณ์ เลย แต่เชื่อมั้ย ถ้าทำตามผมได้หมดน่ะ ขึ้น ลง อุปกรณ์ ขนมมว๊ากๆ
Blind 180 องศาคือ อารัย ... ทำเหมือน ข้อ 1 เลยครับ มันคือการเปลี่ยน ซ้ายเป็นขวา / ขวาเป็นซ้าย แต่เป้นการเปลี่ยนข้างเล่นแบบฝืนธรรมชาติ ... ตัวอย่าง นึกภาพตามน่ะครับ ถ้าคุณเล่นขวานำเวลาคุณะเปลี่ยนเป็นซ้ายนำต้องหมุนด้านตามเข็มนาฬิกาถูกไหม ครับ คราวนี้แค่ เปลี่ยนจากการหมุนตามเข็น เป็นหมุนทวนเข็ม แค่นั้น เองครับ แล้ว แขนคุณมันจะไข้วหลังแบบ ประหลาดๆ แต่ สวนมากครับ ทำ Blind ได้เนี้ย เอาไปใส่กับท่าไหนๆ ก็เรียกเป็นชื่อท่าใหม่หมดเลยครับ .... สำหรับผมน่ะ ผมจะคิดว่าใครเล่นเก่งไม่เก่งเนี้ย ผมวัดที่คุณเล่นท่าต่อเนื่องได้หรือเปล่า .... ในความเห้นผมน่ะ ถ้า Air ได้เฉยๆ เนี้ย ผมว่าธรรมดาครับ ใจกล้า ไม่กลัวเจ็บ ยังไงก็ทำได้ ... แต่ถ้า Air แล้ว บิดลง Blind ได้เนี้ย ผมว่าเก่งแล้วครับ เพราะมันใช้อะไรเยอะกว่าความกล้าเฉยๆ ... ปล. ผมยังทำไม่ได้น่ะ ผมเลยมองว่าผมอ่อน ตามนิยามของผม
เพิ่ม เติม ข้อ 5 เนี้ย ผมเองยังไม่ Sure เลยครับ ไม่ง่ายน่ะครับแค่ Blind บนน้ำเนี้ย ก็ใช้ เวลาเหมือนกัน แต่รับรองครับ ได้อะไรเยอะ เพราะมันจะเป็นท่าประหลาดมากๆ แต่ ทำให้ Basic คุณแน่นมว๊ากๆ เช่นกัน
6.Poping / Ollie แล้ว 360 องศาบนผิวน้ำ
ใคร อ่านถึง ข้อ 6 อาจจะอุทานว่า WTF .... ใช่ครับ ตอนผมเขียนเองผมยังอุทานเลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะผมเองยังทำไม่ได้เลย แต่ทำไมผมเอามาใส่ใน Basic รู็ไหมครับ ??? เพราะว่าจริงๆ แมร่งโคตรจำเป็นเลย การที่คุณหมุน ครบรอบได้ในระยะเวลาอันสั้น และ แถมจะต้องเปลี่ยนมือด้วย ... ลองคิดเล่นๆ น่ะครับ ถ้าอยู่บนอุปกรณ์ เวลาคุณเยอะกว่าเดิม อีก อุปกรณ์ มันจะเป็นเรื่องที่ขนมมากครับ !!! เชื่อผม ใครเจอผม ชวนผมหัดข้อ 6 ด้วยน่ะครับ ผมมักจะขึ้เกียจเสมอๆ เวลาไม่มีเพื่อนหัดด้วย 555+
แต่ ก็ไม่ใส่ไม่มี Technic ซ่ะทีเดียวน่ะครับ ให้ Technic การหัดไว้นิดนึง .... ลอง Heel Side ฉีกออกมานิดนึง แล้วค่อย Ollie แล้วหมุนดูครับ จะทำง่ายกว่า เราวิ่งตรงๆ ตามเชือกแล้วกระโดด (ไม่รู้ช่วยไดหรือเปล่าน่ะครับ เขียนสอนคนอื่น แต่ตัวเองไม่ทำ 555+ สัญญาครับ ครั้งหน้า ลงบึง ผมจะหัด ข้อ 6 ด้วย)
เย้ย ลืมบอกไป ตอนหมุน 360 มันต้องเปลี่ยนมือน่ะครับ พยายามดึง Handle มาไว้ใกล้ๆ ตัวที่สุด เวลาจับมันจะได้จับง่ายๆ กระชากเข้ามาเลยได้ก็ยิ่งดีครับ
จบ ล่ะครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยน่ะครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยน่ะครับ เล่น Wake เป็นวินัยเนี้ย กล้ามเนื้อก็พัฒนาตามด้วยน่ะครับ ไม่ต้องหักโหมมากน่ะครับ
Bye Bye
ก่อน อื่นต้องขอบอกก่อนน่ะครับ ผมไม่เล่น Wakeskate ... ถ้าผมจะเล่น ผมคงจะเอาไว้ฝึกท่าบนผิวน้ำเช่นการหมุน 360 / หมุน Blind (180 ข้างทวนเข็มนาฬิกา) แต่คงจะไม่ขึ้นอุปกรณ์ ไม่ ชูบบ (ไม่รู็เค้าเรียกว่าอะไร ที่แต๊ะ ๆ ขึ้นมาน่ะครับ) แต่จริงๆ แล้ว การเล่นทั้ง Wakeboard และ Wakeskate ก็เป็นสิ่งที่ดีน่ะครับ Basic ของ Wakeboard และ Wakeskate มันเอาไว้ช่วยเสริมกันได้ ....
เข้าประเด็นแรกก่อนน่ะครับ ก่อนที่จะไปเรื่องอื่น เพราะเรื่องนี้ก็เรื่องใหญ่ !!!
เรื่อง FIN
ใหญ่ ยังไงเหรอครับ .... ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Trend ของการเล่น Wakeboard เปลี่ยนไปตอนไหนผมก็ไม่ทราบ แต่ที่ทราบๆ คือ Pro Rider ถอด Fin กันเล่นเกือบหมดแล้วครับ !!! เนื่องจากผมไม่ได้เล่นมา 3-4 ปี เลยไม่ได้เห็นพัฒนาการการเปลี่ยนไปชองวัฒนธรรมนี้ ... แต่ผมวิเคราะห์ ได้เลยครับ .... ถอด Fin เล่น เพราะ อุปกรณ์ มากขึ้น และ แถม สนุกขึ้นด้วยสิ ... ผมเคยใช้ Slingshot Recoil 2013 ตอนแรกผมเล่นก็ใส่ Fin ตาม Style ขึ้น อุปกรณ์ ปกติ เพราะเคยชินกับแบบเดิมๆ มีอยู่วันหนึ่ง Fin ผมหัก เนื่องจากเล่นอุปกรณ์ ผมเลย จำใจต้องถอด เพราะมันไม่ Balance ..... ผลที่ได้คืออะไรรู้ไหมครับ !!! ผมไปลองเล่น Table Top ที่ TWP ... ปรากฎว่า พอขึ้นไปปุ๊ป หมุนให้ผมเลยครับ 180 องศา เรียกว่า ซัดไปก่อนเลย โดยที่ยังไม่ได้ทำท่าอะไรเลย 555+ แล้วอยากจะยัดท่าอะไรต่อจากนั้น ก็ตามใจชอบเลยครับ .... ผลที่ได้ก็คือ จริงๆ แล้ว ถอด Fin เล่นเนี้ย อุปกรณ์ จะสนุกขึ้นมากครับ .....
แต่ !!!!
เวลาฉีกน้ำ นรก แตกเลยครับ ... หลุด ปลิ้น ลื่น .... CR. แอบฟังพี่อั้ม เจ้าของ บึง Thaiwakepark บอกมาว่า ลองไปเล่น Wakeskate แล้ว กลับมาเล่น Wakeboard แบบไม่ใส่ fin ดู คราวนี้จะรู้ว่ามันนิ่งขึ้น 555+ เห็นมั้ย ครับ พื้นฐาน Wakeskate กับ Wakeboard ช่วยกันได้จริงๆ
สรุป แล้ว ผมพูดมาทำส้นตึกอะไรเรื่อง Fin !!!
ประเด็น มันคืออย่างนี้ครับ ... ถ้าอ่าน Guide ของผมแบบเปิดใจรับฟังน่ะครับ ผมอยากให้หัดใหม่ๆ ใส่ Fin มากกว่า เดี๋ยวอ่านไปแล้วจะเข้าใจว่าทำไมน่ะครับ เริ่มกันเลยดีกว่า
หลังจากผมนอกเรื่องมานาน ขอเข้าประเด็นเลยน่ะครับ
คำถามยอดฮิต หลัง จากที่มือใหม่ทุกท่าน สามารถเล่น Wakeboard วนได้ครบรอบบึงแล้ว ทำอะไรต่อ !!!
สิ่ง ต่อไปที่ควรทำแม้มันจะขัดกับความรู้สึกของท่านก็ตามคือ ตาม Step ด้านล่างที่ผมเขียนไว้น่ะครับ เรียงลำดับตามตัวเลขเลย ไม่เชื่อไม่เป็นไรน่ะครับ ผมแค่มาเสนอแนวทางเฉยๆ อย่างที่ผมบอกไปแล้วครับ ผมไม่เก่งนร้าาาา ยอมรับ
1. เล่น Wakeboard โดยเล่นข้างที่ไม่ถนัด ให้ครบรอบบึงเช่นเดียวกันกับข้างที่ถนัด
อธิบาย เพิ่มเติมให้น่ะครับ ยังไง Wakeboard ก็ต้องเล่นได้ทั้ง 2 ข้างครับ ทั้ง ขวานำและ ซ้ายนำ .... เหตุผลสนับสนุนผมมีเพียบ ใครขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปข้อ 2 ได้เลยน่ะครับ ....
อธิบายประเด็นแรกก่อนทำไมต้องใส่ fin ... เพราะประเด็นแรกคือ ถ้าคุณเล่นถนัดขวา แปลว่า ตอนอยู่บนน้ำคุณต้องเปลี่ยนเป็นซ้ายนำถูกต้องไหมครับ ??? เพราะฉะนั้น ถ้าคุถอด Fin แปลว่าคุณจะหมุนเปลี่ยนข้างได้ง่ายมากๆ ง่ายไปก็ไม่ดีสิครับ 555+ ให้ใส่ Fin เพราะจะได้หมุนยากๆ หน่อยครับ จะได้ฝึกการใช้แรงในการบิดน้ำ ... เพราะถ้าไม่ใส่ fin มันก็ไม่ต่างจากคุณ หมุน 180 บน Table Top หรอกครับ จริงมั้ย ?
อธิบายประเด็นต่อมา ... ผมขอเปรียบเทียบ Wakeboard กับ Snowboard น่ะครับ ... รู้ไหมครับว่า Snow Board ส่วนใหญ่ ความยาวระหว่าง ด้านหัว Board กับ ท้าย Board มันไม่เท่ากัน หรือกล่าวอีกแบบนึงคือ มันไม่ Symetric คือ ไม่สมมตรา .... บางคนอ่านแล้วงง ตอนแรกผมก็งง ครับ เพราะตอนเล่น Snowboard ใหม่ๆ ผมเล่น Wakeboard มาก่อน ไม่เคยเห็น Board ที่มันไม่สมมาตร ... ที่เค้าทำไม่สมมาตราเพราะว่า คนส่วนใหญ่เล่นข้างใดข้างนึง นำครับ ถนัดซ้ายก็เอาซ้ายนำ ถนัดขวาก็เอาขวานำ ... เอ๋ แล้ว Snowboard แบบ สมมาตราละมีมั้ย ... คำตอบคือมีครับ และ แพงด้วย เค้า เรียก Free style Board โดยส่วนใหญ่ คนที่เล่นแบบนี้ก็จะเล่นทั้ง ขวานำและ ซ้ายนำ ศัพท์ ภาษาอังกฤษ เรียก Goofy กับ Regular (Regular นี้ซ้ายนำมั้งครับ ผมจำไม่ได้) สรุป ก็คือ ลองไปดู Video SnowBoard ที่เค้าเล่น Half - Pipe ดูน่ะครับ หรือ Park ต่างๆ ดูก็ได้ ส่วนใหญ่เป็น Free Style Board หมดครับ และ Proๆ SnowBoard ก็ต้องเล่นได้ทั้ง ซ้ายและขวาครับ
อธิบาย ประเด็นต่อมาอีก ยังไม่จบ ทำไมต้องเล่น ข้างที่ไม่ถนัดด้วย ???? ... ถ้าคิดว่าจะเล่น Wakeboard แค่วนครบรอบแล้วสนุก ก็ไม่ต้องสนใจที่ผมพูดก็ได้ครับ ความสุขของคนเราต่างกัน แต่ถ้าคิดจะเล่นอุปกรณ์ต่างๆ หรือ เล่นไปมากกว่านี้ ต้องเล่นข้างที่ไม่ถนัดด้วยครับ ...... เหตุผลเพราะ .... ถามจริงๆ ครับ คิดเล่นๆ น่ะ คิดว่าสมมติ ว่าคุณขึ้น อุปกรณ์ แล้วเกิดพลาด แล้ว ข้างที่ไม่ถนัดดันโดนน้ำก่อน คุณจะทำยังไงครับ ?? ก็อาจจะตกน้ำ ว่ายเข้าฝั่ง ขึ้นมาเล่นใหม่ ทำเหมือนเดิม .... โอเคครับ ถ้าเล่น ตัวเล็กๆ อ่า พลาดมามันไม่เป้นอะไรมากหรอกครับ แต่ถ้าไปเล่นตัวใหญ่ แล้ว พลาดท่าประหลาดๆ ขึ้น มา การที่ไม่มี Basic ของการเล่นข้างที่ไม่ถนัดเนี้ย แปลว่าร่างกายคุณก็จะไม่มีปฎิกริยา Reflex เลย ว่าเวลาลงมาข้างที่ไม่ถนัดมันเป้นยังไง ... สรุปกล่าวคือ การที่เล่นข้างที่ไม่ถนัด ช่วยลดอาการบาดเจ็บ จากการที่พลาดท่าประหลาดๆ ได้ส่วนนึงน่ะครับ
2. Edging ... หรือ การฉีกน้ำ
หลัง จากที่ทำตามข้อ 1 ได้แล้ว อาจจะใช้เวลาสักพักน่ะครับ อย่าเพิ่งใจร้อน แรกๆ ผมก็ลำบาก กว่าจะใช้ ซ้ายนำเข้าโค้งได้ ใช้เวลาพอสมควรครับ .... หลังจากจบข้อ 1 จะได้ Skill ใหม่มาทางอ้อมคือ เราสามารถเปลี่ยน ซ้ายเป็นขวา ชวาเป็นซ้ายได้อัตโนมัติ แสดงว่าคุณได้ Skill การหมุน 180 มาฟรีๆ เลยเห็นไหมครับ แม้ว่าจะเป็นการเล่นบนผิวน้ำแต่มันก็เป็นท่าน่ะฮีาบบบ
การ ฉีกน้ำคือ อารัยยยย ??? เออ คือการฉีกน้ำครับ การฉีกน้ำมี 2 แบบ หลักๆ แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรเยอะครับ มันมี Progressive Edging กับ Agressive Edging ไว้ Advance กว่านี้แล้ว ถาม Pro แล้วกันน่ะครับ มันมีผลต่อการทำท่า แรกๆ ผมก็ไม่รู็หรอกครับว่ามันต่างกันยังไง จนตอนนี้ผมก็อาจจะยังไม่รู้ด้วย 555+ สรุป อย่าคิดเยอะ ครับ ฉีกก็คือฉีก คิดแค่นี้ก่อน พยายามใช้ส้นเท้ากดลงน้ำ ให้จินตนาการว่า Wakeboard ทำมุม 45 องศากับผิวน้ำ(ซึ่งจริงๆ มันไม่ถึงก็ไม่เป้นไรครับ เน้น Mind Set ไว้ก่อน 555+) ถ้าคุณเอาขวานำแปลว่า คุณ จะต้อง ฉีกออกไปด้าน ขวา เค้า เรียก Heel Side Edging (ถ้าศัพท์ไม่ถูกขออภัยน่ะครับ) คือการเอาส้นเท้าฉีกไปทางทิศทางปกติที่มันควรจะเป็น แรกๆ ถ้าถนัดขวาก็ฉีกไปทางขวา แล้ว มาตั้งตรงใหม่ แล้วก็ฉีกไปใหม่ครับ ถ้าซ้ายนำก็ทำกลับกัน ... แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่ข้อ 1 ครับ คือ คุณต้องฉีกได้ทั้ง ซ้าย นำ และ ขวานำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .... แต่ใจเย็นๆ น่ะครับ จริงๆ ผมอยากให้ฝึกถึงชั้นว่า เอาข้อ 1 กับ ข้อ 2 มารวมกันเลยคือ ขวานำ ฉีกไปทางขวา เสร็จแล้ว เปลี่ยนเป็นซ้ายนำฉีกไปทางซ้าย เสร็จแล้ว ทำกลับไปกลับมารอบบึง ไม่ต้องสนใจว่าตอนเข้าโค้ง จะขาไหนนำ เพราะถ้าถึงเวลานั้น ขาไหนนำคุณก็เอาเข้าโค้งได้จริงไหมครับ ??? ที่ผมบอกนี้คือปลายทางน่ะครับ คือแรกๆ ทำไม่ได้หรอกครับผมเข้าใจ ก็ให้ฝึก Edging ก่อน โดยการฉีกไป แล้วตั้งลำตรง แล้ว ฉีกใหม่ พอคล่องๆ ก็ลองค่อยๆ เพิ่มซ้ายขวาดูน่ะครับ ค่อยๆ ปรับ กีฬานี้ไม่ต้องแข่งกับใครเลยครับ ตัวเองล้วนๆ
ปล. เพิ่มเติมน่ะครับ สำหรับ คนที่อยากจะฝึกขั้นที่ 1 และ 2 ผมแนะนำน่ะครับ Lakepoint ช่วยคุณได้ ... ทั้งบึงมีอุปกรณ์ตัวเดียว เหมาะแก่การฝึกฝนเป็นอย่างมากครับ เพราะ ถ้าฝึก TWP อาจจะโดนอุปกรณ์ ยั่วยวนจนทำให้เกิดกิเลิส อยากจะเล่น อุปกรณ์ จนข้าม Basic ไป 555+
3.Popping / Ollie ... หรือ การกระโดดบนผิวน้ำ แบบ กระโดดซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้ายได้น่ะครับ
เชื่อ มั้ยครับ กว่าจะมาถึงขั้นที่ 3 เนี้ย ผมว่าถ้าคุณผ่านการฝึก Step 1 กับ Step 2 มาแล้วเนี้ย เล่นเฉยๆ ผมก็นึกว่า เป็น Pro แล้วครับ การที่คุณ ผ่าน ข้อ 1 และข้อ 2 มาได้เนี้ย ทำบ่อยๆ เนี้ย Basic จะแน่นกว่าผมอีกน่ะครับ ผมอ่ะ ข้าม Step มาเยอะ มาก สุดท้าย ก็ต้องกลับมาที่ Basic อยู่ดี Basic เป็นรากฐานของทุกอย่างน่ะครับ จำไว้
ร่าย มาเยอะอีกแล้ว สรุป ข้อ 3 ทำอารายครับ .... การ Pop บนผิวน้ำ ไม่มีอะไรมากครับ เดิมคุณบิดซ้ายเป็นขวา , ขวาเป็นซ้ายได้แล้ว คราวนี้ไม่ให้บิดครับ ให้กระโดดเลย กระโดดเปลี่ยนข้าง ... ผมอธิบายการ POP น้ำ Style ของผมไว้อย่างละเอียดที่กระทู้นี้แล้วครับ ลองไปอ่านดู http://www.wakeclub.in.th/viewtopic.php?f=3&t=2
4.Toe Side Edging หรือ การฉีกแบบประหลาดๆ 555+
คือ จริงๆ แล้วเนี้ย ข้อ 3 หรือ ข้อ 4 เนี้ย ผมว่าหัดอันไหนก่อนก็ได้น่ะครับ แล้วแต่ ชอบ ... Toe Side Edging คือ อารัย ??? อธิบายแบบ งงๆ คือ ถ้าคุณเอาขวานำให้คุณฉีกไปด้านซ้าย แต่ถ้าคุณเอาซ้ายนำ ให้คุณฉีกไปด้านขวา แล้วทำซ้ำไปซ้ำมา เหมือนข้อ 2 น่ะครับ ลองดูครับเดี๋ยว Get เอง
5.Blind 180 องศา
ผมพูดมา 4 ข้อแล้ว เห้นมั้ยครับ ผมยังไม่ได้ให้ขึ้น อุปกรณ์ เลย แต่เชื่อมั้ย ถ้าทำตามผมได้หมดน่ะ ขึ้น ลง อุปกรณ์ ขนมมว๊ากๆ
Blind 180 องศาคือ อารัย ... ทำเหมือน ข้อ 1 เลยครับ มันคือการเปลี่ยน ซ้ายเป็นขวา / ขวาเป็นซ้าย แต่เป้นการเปลี่ยนข้างเล่นแบบฝืนธรรมชาติ ... ตัวอย่าง นึกภาพตามน่ะครับ ถ้าคุณเล่นขวานำเวลาคุณะเปลี่ยนเป็นซ้ายนำต้องหมุนด้านตามเข็มนาฬิกาถูกไหม ครับ คราวนี้แค่ เปลี่ยนจากการหมุนตามเข็น เป็นหมุนทวนเข็ม แค่นั้น เองครับ แล้ว แขนคุณมันจะไข้วหลังแบบ ประหลาดๆ แต่ สวนมากครับ ทำ Blind ได้เนี้ย เอาไปใส่กับท่าไหนๆ ก็เรียกเป็นชื่อท่าใหม่หมดเลยครับ .... สำหรับผมน่ะ ผมจะคิดว่าใครเล่นเก่งไม่เก่งเนี้ย ผมวัดที่คุณเล่นท่าต่อเนื่องได้หรือเปล่า .... ในความเห้นผมน่ะ ถ้า Air ได้เฉยๆ เนี้ย ผมว่าธรรมดาครับ ใจกล้า ไม่กลัวเจ็บ ยังไงก็ทำได้ ... แต่ถ้า Air แล้ว บิดลง Blind ได้เนี้ย ผมว่าเก่งแล้วครับ เพราะมันใช้อะไรเยอะกว่าความกล้าเฉยๆ ... ปล. ผมยังทำไม่ได้น่ะ ผมเลยมองว่าผมอ่อน ตามนิยามของผม
เพิ่ม เติม ข้อ 5 เนี้ย ผมเองยังไม่ Sure เลยครับ ไม่ง่ายน่ะครับแค่ Blind บนน้ำเนี้ย ก็ใช้ เวลาเหมือนกัน แต่รับรองครับ ได้อะไรเยอะ เพราะมันจะเป็นท่าประหลาดมากๆ แต่ ทำให้ Basic คุณแน่นมว๊ากๆ เช่นกัน
6.Poping / Ollie แล้ว 360 องศาบนผิวน้ำ
ใคร อ่านถึง ข้อ 6 อาจจะอุทานว่า WTF .... ใช่ครับ ตอนผมเขียนเองผมยังอุทานเลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะผมเองยังทำไม่ได้เลย แต่ทำไมผมเอามาใส่ใน Basic รู็ไหมครับ ??? เพราะว่าจริงๆ แมร่งโคตรจำเป็นเลย การที่คุณหมุน ครบรอบได้ในระยะเวลาอันสั้น และ แถมจะต้องเปลี่ยนมือด้วย ... ลองคิดเล่นๆ น่ะครับ ถ้าอยู่บนอุปกรณ์ เวลาคุณเยอะกว่าเดิม อีก อุปกรณ์ มันจะเป็นเรื่องที่ขนมมากครับ !!! เชื่อผม ใครเจอผม ชวนผมหัดข้อ 6 ด้วยน่ะครับ ผมมักจะขึ้เกียจเสมอๆ เวลาไม่มีเพื่อนหัดด้วย 555+
แต่ ก็ไม่ใส่ไม่มี Technic ซ่ะทีเดียวน่ะครับ ให้ Technic การหัดไว้นิดนึง .... ลอง Heel Side ฉีกออกมานิดนึง แล้วค่อย Ollie แล้วหมุนดูครับ จะทำง่ายกว่า เราวิ่งตรงๆ ตามเชือกแล้วกระโดด (ไม่รู้ช่วยไดหรือเปล่าน่ะครับ เขียนสอนคนอื่น แต่ตัวเองไม่ทำ 555+ สัญญาครับ ครั้งหน้า ลงบึง ผมจะหัด ข้อ 6 ด้วย)
เย้ย ลืมบอกไป ตอนหมุน 360 มันต้องเปลี่ยนมือน่ะครับ พยายามดึง Handle มาไว้ใกล้ๆ ตัวที่สุด เวลาจับมันจะได้จับง่ายๆ กระชากเข้ามาเลยได้ก็ยิ่งดีครับ
จบ ล่ะครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยน่ะครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยน่ะครับ เล่น Wake เป็นวินัยเนี้ย กล้ามเนื้อก็พัฒนาตามด้วยน่ะครับ ไม่ต้องหักโหมมากน่ะครับ
Bye Bye
วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
[Tips] เทคนิคการหัด Air แบบไม่เจ็บตัว(มั้ง) กับ Cable 2 เสา
<<< ยังเขียนไม่จบน่ะครับ กำลังไปเขียนกระทู้ใหม่ >>>
สถิติ การบาดเจ็บจากการพยายามทำ Air Relay กับ 2 เสา (Sesitec 2.0) ที่อยู่ภายใต้การแอบสอดส่องดูแล แบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ คือ 0% จาก 3 คน
สวัสดีครับ Admin ขอมาเม้ามอยยยย อีกแล้ว 555+ แต่ครั้งนี้มาแบบ สาระเต็ม ... เต็มจริงๆ ค่อยๆ อ่านน่ะครับ
หลายคนอาจจะสงสัย ???
Admin ทำบ้าอะไร ทำไม อะไร Technic หัด Air มีตั้ง 2 กระทู้ มันแปลว่าอะไร ???
คำตอบ ....
ผมเห็นแล้วอดจะพูดไม่ได้ 100 ล่ะ 99.99% ของคนเล่น Wakeboard หลังจากพอวนครับรอบบึงได้ อยากจะ Air !!!!
นี้ ขนาดผมเขียนอธิบายแบบ Version ธรรมดาอย่างละเอียดไปแล้วน่ะครับ กับ กระทู้แรก ก็ยังมีหลายคนมาถามว่าทำยังไง ทำยังไง ... ผมอ่ะ ไม่ได้อยากจะพูดอะไรเยอะแล้ว เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะพูดไปส่วนใหญ่ก็ไม่ทำ หรือ ถ้าทำก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จริงๆ หรือ จริงๆ ฉีกยังไม่แน่นเลย จะทำซ่ะแล้ว ไม่รอให้ร่างกายมันเข้าใจการฉีกเพื่อ Air เลย จริงๆ ไม่เข้าใจผมไม่แปลกใจครับ เพราะท่าเนี้ย ต้องทำให้มันลอยก่อนแล้วท่านจะเข้าใจได้ด้วยตัวเองว่า ที่ผมพูดๆ ฝอยๆ เยอะๆ อ่า มันคืออะไร ผมเลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จัด Train ให้เลยดีกว่า ... พาไปหัดเลย จะได้รู้ว่าเป็นยังไง
กระทู้นี้อาจจะไม่ ใช้ How To น่ะครับ เพราะผมไม่อยากจะมาพูด มาสอน แบบที่ผมยังไม่เห็นจริงๆ เลย ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ฉีก Air กันอย่างไร ....
คำถามต่อมา แล้ว Admin จะมีจั่วหัวว่า "เทคนิคการหัด Air แบบไม่เจ็บตัว(มั้ง) กับ Cable 2 เสา" ทำส้นตึกอะไร???
คำตอบ ....
ผม จะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อดูว่าถ้าหัด Air ตามแนวทางของผมแล้ว จะมีผู้บาดเจ็บจนถึงขึ้นไม่อยากเล่นอีกหรือเปล่า หากมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ผมจะปิดกระทู้นี้ลง และ จะไม่ทำการแนะนำการหัดท่านี้อีกต่อไป เพราะการที่ผมออกมาพูด ออกมา สอน แปลว่าผมมีส่วนในการทำให้ท่านบาดเจ็บ ถึงแม้ตัวท่านเองก็รู้ว่าเป็นความเสี่ยงของท่าน หวังว่าคงเข้าใจตรงกันน่ะ ... No drama ผมแค่อยากจัดให้เพื่อนๆ ตามที่เพื่อนๆ Want เท่านั้นเอง !!! เข้าใจตรงกันน่ะ
อธิบาย เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2 เสาในการ Air
การ เล่นท่า Air Relay จะบอกว่ายากก็แสนยาก จะบอกว่าง่ายก็แสนง่าย ... แต่กระทู้นี้ไม่ได้พูดเรื่องความง่ายความยาก แต่จะพูดเรื่องความเข้าใจ / มุมมอง / บันทึกเหตุการณ์ ของแต่ละคนที่หัดท่านี้กับ Cable 2 เสา จริงๆ อาจจะเปรียบเหมือน Diary ที่ผมจดบันทึกเพื่ออธิบายให้เพื่อนๆ ที่หัดกันใหม่เข้าใจ เพราะผมเองผ่านจุดนั้นมานาน แล้ว และแต่ละคนก็มีปัญหาที่ต้องแก้แตกต่างกันไป
เข้าเรื่องได้ล่ะ ผมวกไปไกลตลอดเลย ...
เอา Version สั้นๆ บ้างน่ะครับขอสรุป Step การ Air คือ
1. การฉีก (มีทั้งแบบ Agressive และ Progressive แรกๆแยกไม่ออกหรอกครับ ฉีกๆ ไปเถอะ)
2. การตัดน้ำ (ผมไม่ค่อยเรียกว่ากดน่ะ ผมชอบเรียกว่าตัด มันได้ Feel กว่า เพราะผมรู้สึกเหมือนเอากรรไกรยักษ์ มาตัดน้ำมากกว่า 555+ แต่ก็แล้วแต่จะเรียกครับ)
3. การลอยตัวขึ้นไป
4. การ Landing
มีแค่เนี้ยอ่ะครับ ผมไม่รู็จะแตกยังไงให้มากกว่านี้แล้ว
FullCable Air กับ Sesitec 2.0 (2 เสา) Air ต่างกันยังไง
1. การฉีก
Cr.Pro ชุ เพื่อนผมกล่าวไว้ว่า เห้ยย ต้า กูว่า 2 เสามึงอย่าเรียกว่า ฉีก Air เลยหว่ะ เรียกว่า Take ตัวแอร์ ดีกว่า ....
ขยาย ความ คืออย่างนี้ครับ ถ้า คุณ ทำท่า Air Relay ที่ FullCable เนี้ย ต้องการการฉีกที่แน่น, นิ่ง แต่ Sesitec 2.0 ไม่สนอะไรเลยครับ จริงๆ ไม่ต้องฉีกยังได้เลย ก็สามารถ Air ได้เชื่อมั้ย ???
2. การตัดน้ำ
อันนี้โคตรสำคัญ ทั้ง FullCable และ 2 เสา ..... จากการสังเกตุพบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหากับการตัดน้ำ หรือ จะเรียกว่ากดน้ำก็แล้วแต่
3. และ 4. ขี้เกียจอธิบายครับ มันไม่ค่อยสำคัญ มันก็เหมือนกัน
สรูปเป็นตารางข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบในการ Air Full Cable กับ 2 เสา
Pro. (ข้อดี)
1. หัดไปเถอะ โอกาสเจ็บน้อยมาก ส่วนใหญ่ไม่เจ็บเบยยย
2.
Cons (ข้อเสีย)
1. เสียนิสัย ฉีกไม่เป้น
2. เล่นบ่อยๆ ร่างกายมีโอกาสจำการจัดระเบียบร่างกายแบบที่ลงได้ แต่พอเอาเข้าจริงเล่น Full Cable Park ถ้าจำ Feel เดิมตอนลงได้ แต่ มาทำ Full cable แล้วใช้เวลาเท่ากัน หรือ ขึ้นตัดไม่ดีอาจะเคยขินจนใช้ความรู้สึกเดิม เพราะฉะนั้นเวลาลงช้า Board เราอาจจะปักน้ำได้ ถ้า เป้นแบนั้น ไม่ต้องพูดถึง เจ็บสถานเดียว เพราะหน้าจะฟาดน้ำ!!!
Cons (ข้อดี)
1. ได้ท่านั้นๆ เร็ว มีความเข้าใจในองค์ประกอบของภาพ
สถิติ การบาดเจ็บจากการพยายามทำ Air Relay กับ 2 เสา (Sesitec 2.0) ที่อยู่ภายใต้การแอบสอดส่องดูแล แบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ คือ 0% จาก 3 คน
สวัสดีครับ Admin ขอมาเม้ามอยยยย อีกแล้ว 555+ แต่ครั้งนี้มาแบบ สาระเต็ม ... เต็มจริงๆ ค่อยๆ อ่านน่ะครับ
หลายคนอาจจะสงสัย ???
Admin ทำบ้าอะไร ทำไม อะไร Technic หัด Air มีตั้ง 2 กระทู้ มันแปลว่าอะไร ???
คำตอบ ....
ผมเห็นแล้วอดจะพูดไม่ได้ 100 ล่ะ 99.99% ของคนเล่น Wakeboard หลังจากพอวนครับรอบบึงได้ อยากจะ Air !!!!
นี้ ขนาดผมเขียนอธิบายแบบ Version ธรรมดาอย่างละเอียดไปแล้วน่ะครับ กับ กระทู้แรก ก็ยังมีหลายคนมาถามว่าทำยังไง ทำยังไง ... ผมอ่ะ ไม่ได้อยากจะพูดอะไรเยอะแล้ว เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะพูดไปส่วนใหญ่ก็ไม่ทำ หรือ ถ้าทำก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จริงๆ หรือ จริงๆ ฉีกยังไม่แน่นเลย จะทำซ่ะแล้ว ไม่รอให้ร่างกายมันเข้าใจการฉีกเพื่อ Air เลย จริงๆ ไม่เข้าใจผมไม่แปลกใจครับ เพราะท่าเนี้ย ต้องทำให้มันลอยก่อนแล้วท่านจะเข้าใจได้ด้วยตัวเองว่า ที่ผมพูดๆ ฝอยๆ เยอะๆ อ่า มันคืออะไร ผมเลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จัด Train ให้เลยดีกว่า ... พาไปหัดเลย จะได้รู้ว่าเป็นยังไง
กระทู้นี้อาจจะไม่ ใช้ How To น่ะครับ เพราะผมไม่อยากจะมาพูด มาสอน แบบที่ผมยังไม่เห็นจริงๆ เลย ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ฉีก Air กันอย่างไร ....
คำถามต่อมา แล้ว Admin จะมีจั่วหัวว่า "เทคนิคการหัด Air แบบไม่เจ็บตัว(มั้ง) กับ Cable 2 เสา" ทำส้นตึกอะไร???
คำตอบ ....
ผม จะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อดูว่าถ้าหัด Air ตามแนวทางของผมแล้ว จะมีผู้บาดเจ็บจนถึงขึ้นไม่อยากเล่นอีกหรือเปล่า หากมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ผมจะปิดกระทู้นี้ลง และ จะไม่ทำการแนะนำการหัดท่านี้อีกต่อไป เพราะการที่ผมออกมาพูด ออกมา สอน แปลว่าผมมีส่วนในการทำให้ท่านบาดเจ็บ ถึงแม้ตัวท่านเองก็รู้ว่าเป็นความเสี่ยงของท่าน หวังว่าคงเข้าใจตรงกันน่ะ ... No drama ผมแค่อยากจัดให้เพื่อนๆ ตามที่เพื่อนๆ Want เท่านั้นเอง !!! เข้าใจตรงกันน่ะ
อธิบาย เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2 เสาในการ Air
การ เล่นท่า Air Relay จะบอกว่ายากก็แสนยาก จะบอกว่าง่ายก็แสนง่าย ... แต่กระทู้นี้ไม่ได้พูดเรื่องความง่ายความยาก แต่จะพูดเรื่องความเข้าใจ / มุมมอง / บันทึกเหตุการณ์ ของแต่ละคนที่หัดท่านี้กับ Cable 2 เสา จริงๆ อาจจะเปรียบเหมือน Diary ที่ผมจดบันทึกเพื่ออธิบายให้เพื่อนๆ ที่หัดกันใหม่เข้าใจ เพราะผมเองผ่านจุดนั้นมานาน แล้ว และแต่ละคนก็มีปัญหาที่ต้องแก้แตกต่างกันไป
เข้าเรื่องได้ล่ะ ผมวกไปไกลตลอดเลย ...
เอา Version สั้นๆ บ้างน่ะครับขอสรุป Step การ Air คือ
1. การฉีก (มีทั้งแบบ Agressive และ Progressive แรกๆแยกไม่ออกหรอกครับ ฉีกๆ ไปเถอะ)
2. การตัดน้ำ (ผมไม่ค่อยเรียกว่ากดน่ะ ผมชอบเรียกว่าตัด มันได้ Feel กว่า เพราะผมรู้สึกเหมือนเอากรรไกรยักษ์ มาตัดน้ำมากกว่า 555+ แต่ก็แล้วแต่จะเรียกครับ)
3. การลอยตัวขึ้นไป
4. การ Landing
มีแค่เนี้ยอ่ะครับ ผมไม่รู็จะแตกยังไงให้มากกว่านี้แล้ว
FullCable Air กับ Sesitec 2.0 (2 เสา) Air ต่างกันยังไง
1. การฉีก
Cr.Pro ชุ เพื่อนผมกล่าวไว้ว่า เห้ยย ต้า กูว่า 2 เสามึงอย่าเรียกว่า ฉีก Air เลยหว่ะ เรียกว่า Take ตัวแอร์ ดีกว่า ....
ขยาย ความ คืออย่างนี้ครับ ถ้า คุณ ทำท่า Air Relay ที่ FullCable เนี้ย ต้องการการฉีกที่แน่น, นิ่ง แต่ Sesitec 2.0 ไม่สนอะไรเลยครับ จริงๆ ไม่ต้องฉีกยังได้เลย ก็สามารถ Air ได้เชื่อมั้ย ???
2. การตัดน้ำ
อันนี้โคตรสำคัญ ทั้ง FullCable และ 2 เสา ..... จากการสังเกตุพบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหากับการตัดน้ำ หรือ จะเรียกว่ากดน้ำก็แล้วแต่
3. และ 4. ขี้เกียจอธิบายครับ มันไม่ค่อยสำคัญ มันก็เหมือนกัน
สรูปเป็นตารางข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบในการ Air Full Cable กับ 2 เสา
Pro. (ข้อดี)
1. หัดไปเถอะ โอกาสเจ็บน้อยมาก ส่วนใหญ่ไม่เจ็บเบยยย
2.
Cons (ข้อเสีย)
1. เสียนิสัย ฉีกไม่เป้น
2. เล่นบ่อยๆ ร่างกายมีโอกาสจำการจัดระเบียบร่างกายแบบที่ลงได้ แต่พอเอาเข้าจริงเล่น Full Cable Park ถ้าจำ Feel เดิมตอนลงได้ แต่ มาทำ Full cable แล้วใช้เวลาเท่ากัน หรือ ขึ้นตัดไม่ดีอาจะเคยขินจนใช้ความรู้สึกเดิม เพราะฉะนั้นเวลาลงช้า Board เราอาจจะปักน้ำได้ ถ้า เป้นแบนั้น ไม่ต้องพูดถึง เจ็บสถานเดียว เพราะหน้าจะฟาดน้ำ!!!
Cons (ข้อดี)
1. ได้ท่านั้นๆ เร็ว มีความเข้าใจในองค์ประกอบของภาพ
[Tips] เทคนิคการ Air Raley
ไม่ใช่ว่าอยากจะอวดเก่งหรืออะไรเลยครับเพราะผมไม่เก่ง
เรียกว่าอ่อนเลยน่าจะดีกว่าครับ ผมมือสมัครเล่นจริงๆ ไม่ใช่ โปรมาจากที่ไหน
ใครผ่านเข้ามาอ่านบทความนี้ถือว่าผมมา Share
ประสบการณ์แล้วกันน่ะครับสำหรับใครที่จะหัดท่านี้
เพราะผมเชื่อว่าหลายๆคนกำลังอยากจะทำท่านี้อยู่ หรือจริงๆ ผม Assume
ได้เลยว่าทุกคนที่เล่น Wakeboard อยากทำท่านี้ได้แต่เหมือนจะรู้สึกว่ายาก
ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่อย่างนั้นซ่ะทีเดียวครับ ผมขอเรียบเรียงดังนี้น่ะครับ
(เนื้อหาที่เขียนส่วนใหญ่ผมเขียนในมุมของคนที่ถนัดขวานำน่ะครับ)
ทำไมหัดท่านี้แล้วเจ็บจุงเบย ???
อธิบายประเด็นนี้ให้ฟังก่อนน่ะครับ เนื่องจาก Air เนี้ย เรานิยมหัดทำกันที่โค้ง คือพอเค้าโค้งมาแล้วเริ่มทำเลย ..... ถามว่าไปหัดที่ทางตรงไม่ได้เหรอ ? คำตอบคือได้ครับ แต่ไม่ควร เพราะด้วยถ้าเพิ่งหัดใหม่ๆ การ Air ทางตรงเป็นเรื่องที่ยากครับเพราะต้อง อาศัยการ ฉีกน้ำเพื่อ Build Tension(สร้างแรงตึงของเชือก) ยกเว้นคนที่ถนัดซ้ายนำ ถ้าซ้ายนำเริ่มหัดนี้เค้าหัดกันที่จุด Start เลยครับ คือฉีกออกซ้ายสร้างแรงตึกเชือก .... คราวนี้มันเจ็บเพราะว่า เนื่องด้วยเราใช้ Tension ที่ค่อนข้างตึงพอสมควรคราวนี้พอตกลงมา มันจะไม่เหมือนความเจ็บที่เกิดจากการตกจาก Kicker หรือ Lamp น่ะครับ เพราะอันนั้นเราไม่ได้สร้างแรงตึงของเชือกมากมายเวลาจะทำท่าอะไรก็แล้วแต่ ก็ยกเว้นอีกครับ คนที่เค้าฉีกเยอะเพื่อสร้างแรงตึง พร้อมกับการ POP บนอุปกรณ์ ถ้าทำ 2 อย่างนี้คู่กันอาจจะเจ็บกว่า Air โค้งก็ได้ครับ
โอกาศเจ็บสุดๆ ได้แค่ไหน ???
เท่าที่ผมเคยเจอมาน่ะครับ ผมยก Case มาให้ดูก่อนครับ ไม่ได้เอามาขู่น่ะครับ แค่จะเอามาให้เห็นก่อน
Case ที่ 1 ศูนย์เสียความทรงจำระยะสั้น .... ที่มาคือเพื่อนที่สอนผมเล่น Wakeboard มานาน อ้างชื่อได้ครับชื่อ โปร ชุ 555+ ชุ เคยศูนย์เสียความทรงจำระยะสั้นจากการ Air มาแล้วครับ คำถามคือ เกิดขึ้นได้ยังไง ? ตอนที่พลาดเนี้ย ชุก็ทำท่า Air ได้อยู่แล้วครับ แต่ยังไม่ช่ำชอง การพลาด เกิดจากการที่ชุปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอากาศมากเกินไปครับ คือ คิดว่าลงได้พริ้วๆ สวยๆ จะลง แผ่น Wakeboard จิกน้ำหน้าฟาด หรือ หลัง ฟาด ผมไม่ชัวร์ครับ ก็สรุปคือ ชุ งงไปเลยว่าวันนี้มาทำอะไรที่นี้ พูดจาช้าๆ มึนๆ งง อะไรประมาณนี้แหละครับ แต่นอนพักสักวันก็หายครับ
Case ที่ 2 ผมเองเนี้ยแหละครับ ไหล่หลุด 555+ ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี และคิดว่าคงไม่ลืมง่ายๆ มันก็เกิดจากที่ผม Air ได้แล้วนิครับ แต่ไม่มีความเข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่มีความถูกต้องอะไรเลย เรียกว่าฟลุคแล้วกันครับ มันเกิดจากที่ผมฉีกปกติ ตอนขึ้นไปบนฟ้าแล้ว Board เกิดไม่สมดุล ผมควบคุมไม่ได้เนื่องจากอาการตกใจ คือ เรียกง่ายๆ ว่าไม่สามารถคุมอะไรได้เลย หรือ ช่วงนั้นคือ ไม่มีสติอยู่กับตัวเพราะเวลามันสั้นมากครับเราจะจำได้แค่ตอนฉีกมาแล้วก็กด Board ลงไปในน้ำเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นจังหว่ะที่ลอยขึ้น มันจะเพี้ยนไปยังไงผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ตอนตกเนี้ย มันตกประหลาดๆ ตกในมุมที่ Board จิกน้ำแล้วหมุนทำให้เกิดแรงที่ช่วงไหล่ ทำให้ไหล่ผมหลุดออกไป ... สำหรับผมผมคิดว่านี้ร้ายแรงกว่า Case แรกน่ะครับ เพราะถ้าเป็นผม ต่อให้ผ่าตัดมาก็คงไม่เหมือนเดิม มันจะมีบางองศาที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เรียกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผมอยากจะหยุดเล่นเลยครับ เพราะในใจผมคือ ถ้าไม่เล่น Air โค้ง ผมก็ไม่อยากเล่น Wakeboard แล้วครับ
สรุป Case ที่ 1 และ Case ที่ 2 เนี้ยผมว่าหนักสุดแล้วครับ ถ้าจุกๆ มึนๆ นี้ไม่นับน่ะครับ อันนั้น พักแป๊ปเดียวก็หาย แต่อาจจะเข็ดจนไม่อยากทำต่อ .... คำถามคือผมเล่ามาทำไม ... จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่มีโอกาศเจ็บร้ายแรงได้เนี้ย เกิดจากคนที่ทำได้แล้วน่ะครับ แต่ยังไม่ Sure ไอ้ความที่ยังไม่ Sure เนี้ยแหละครับ โอกาศเจ็บเยอะสุด (ในมุมผมน่ะ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่า จะเจ็บ แบบ Case 1 และ Case 2 รวมกันได้เนี้ย น่าจะไม่เกิน 5% ของคนที่หัด Air ครับ เพราะฉะนั้นก็ยังหัดได้ครับ ไม่มีปัญหา
พูดมาตั้งนาน เข้าเรื่องเลยได้มั้ย ?
ได้ ครับ เพียงแต่ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง ... ขอเริ่มแบบนี้แล้วกันครับ ผมแบ่งองค์ประกอบที่ทำให้ท่านี้สำเร็จ ในช่วงแรก (ย้ำว่าในช่วงแรกน่ะครับ) .... อยากจะเขียนให้มันมากกว่านี้ แต่คำตอบมีอย่างเดียวครับ
"ใจ 100%"
คำถามคือ ทำไมผมพูดแบบนี้ คืออย่างนี้ครับ ถ้าพูดให้ง่ายๆ ว่า Air ทำยังไง ก็พูดได้ครับ ก็ เข้าโค้ง แล้ว ฉีก มา แล้ว กด Board ไปในน้ำก็ลอย แล้ว หรือ พี่ๆ บางท่านก็แค่เฉือนน้ำเบาๆ ก็ลอยแล้ว .... แต่อันนี้คือพูดในมุมที่เราเข้าใจแล้วน่ะครับ คราวนี้สำเร็จในช่วงแรกหมายความว่ายังไงครับ ? คือต้องแยกท่านี้ออกเป็น 2 Part ครับ ... Part แรก คือ ลอยบนฟ้าได้ Part ที่ 2 คือ Landing ..... ทำไมผมถึงต้องแยก Part ? เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเห็นมา ไม่ค่อยจะเจอใครที่หัดแล้วสามารถลอยได้ลงได้ในครั้งแรก .... ทำไมผมถึงมั่นใจนัก ? งั้นผมถามใหม่ ปกติ ขึ้น Kicker ครั้งแรก แล้วลงได้เลยไหมครับ ??? คำตอบก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ถ้าลอยได้ครั้งแรก ก็ไม่ใช่ว่าส่วนใหญ่จะลงได้น่ะครับ
ก่อนผมจะพูดต่อไป ผมขอเสริม Side Story มาก่อนครับ เนื่องด้วยว่าการหัด Air สมัยนี้มีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจและเจ็บตัวน้อยมากครับ
ลองอ่านดูก่อนน่ะครับ
1.หัดด้วยการ Shot เชือก หรือ Cable 2 เสา >>> เพราะอะไรถึงง่าย เพราะเนื่องด้วยเชือกมันสั้นมากครับ ฉีกนิดเดียว Tension ก็เยอะพอ และ ทำให้เราลอยขึ้นไปได้ง่าย และก็ยังเจ็บตัวน้อยด้วย หัดวิธีการนี้อาจจะสามารถขึ้นและลงได้ในครั้งแรกที่ทำเลยก็เป็นได้น่ะครับ ไม่ขออธิบายละเอียดน่ะครับ สอบถามรายละเอียดที่ Thai Wake Park หรือ Kite Cable Ski ดูน่ะครับ
2. หัดด้วยการ Air Kicker >> ก็คือทำเหมือน Air เลยครับ เพียงแต่เราทำบน Kicker เท่านั้นเอง มีอุปกรณ์ช่วนให้ลอย ทำให้สามารถฝึก Part ที่ 2 คือการ Landing ได้ Sureๆ ก็ถือเป็นการฝึกที่ดีครับ
3. หัดด้วยการ Air Dock Start >> จริงๆ จะบอกว่า Air ก็ไม่ใช่ การหัด Dock Start เนี้ย คือ กระโดดออกตอนจังหว่ะที่เชือกดึงเราไปน่ะครับ ถ้าใครนึกภาพไม่ออกลองดูตอนที่คนเค้ายืน Start แล้วเค้ากระโดดลอยๆ นั้นแหละครับ จะช่วยการฝึก Part 2(Landing) และ Part ที่ 1.5(จังหว่ะที่กำลังจะขึ้น เดี๋ยวผมจะพูดในภายหลัง)
4. หัดด้วย Tampoline >> คืออันนี้อาจจะได้ Feel ตอนอยู่บนอากาศ และการจัดระเบียบร่างกายน่ะครับ จริงๆ Tampoline เนี้ยเหมาะแก่การหัดทุกท่าเลยน่ะครับ เพราะ Tampoline ไม่มี Tension ถ้าทำบน Tampoline ได้ ทำบนน้ำจริงๆ จะง่ายขึ้นไปกว่าตอนทำบน Tampoline อีก เพราะมีแรงตึงช่วย .... แต่เรื่องท่า Air ส่วนตัวผมมองว่า Tampoline ไม่ช่วยอะไรน่ะ
มาเข้าประเด็นต่อ วิธีการฝึก Part ที่ 1 (ลอยบนฟ้า)
ถ้าเข้ามาอ่านถึงส่วนนี้ได้แปลว่าคุณได้ข้าม Side Story มาแล้ว ส่วนจะทำหรือเปล่านี้แล้วแต่ศรัทธาน่ะครับ โดยส่วนตัวผมไม่ได้ทำ Side Story น่ะครับ ผมซัด Pureๆ เลย เพราะผมเล่นในยุคสมัยที่อุปกรณ์น้อยมาก ทำให้เหลือทางเลือกในชีวิตน้อย 555+ และอีกอย่างส่วนตัวผมมองว่าด้วยปกติผมเล่น Full Cable Size เป็นหลัก เพราะฉะนั้นผมเลยอยากลองกับสถานการณ์จริงๆ เลยมากกว่า เพราะ Air เสร็จแล้วจะได้ไปเล่นอุปกรณ์ตัวอื่นต่อ สนุกจะตาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนจะเริ่มอ่านต่อไป ผมย้ำเลยน่ะครับ จะเข้ามา
เริ่มฝึก Part ที่ 1 ได้เนี้ย ต้องเกิดจากใจที่พร้อม 100% น่ะครับ ถ้ากล้าๆ
กลัวๆ อย่าทำน่ะครับ ผมย้ำว่าอย่าทำ และห้ามทำด้วย หลังจากเล่น Wakeboard
มาสักพัก ก็ค้นพบว่าความสุขบนอุปกรณ์ ก็เยอะแยะมากมายครับ ไม่จำเป็นต้อง
Air ก็ได้ เกิดบาดเจ็บพักยาวไปแล้วจะไม่คุ้ม เพราะผมกล้ารับประกันเลยว่า
ถ้าหัด Air แบบ กล้าๆ กลัวๆ 50-50 ผลที่ได้คือ เจ็บหนักแน่ๆ ครับ
หรืออาจจะเจ็บเท่ากัน แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คุ้ม คือ ทั้งเจ็บตัวฟรี
แถม ไม่ได้ท่าใหม่ๆ มา และลองถามคนที่เจ็บๆ มาก็ได้ครับ
ไม่ว่าจะด้วยท่าอะไรก็แล้วแต่ เกิดจากอาการ กล้าๆ กลัวๆ จะทำไม่ทำ
เนี้ยแหละครับ
เริ่มด้วย Video นี้น่ะครับ ผมว่าเนี้นแหละ ถูกหลักที่สุด และ สวยที่สุด (ในความคิดผม คนอื่นมองยังไงแล้วแต่น่ะครับ ผมมองแบบนี้)
ให้สังเกตุตอนที่เค้า เริ่มฉีกน่ะครับ จะเห็นได้ว่าเค้าพยายามเหน็บไหล่ไว้กับตัว และ ทำมุมใกล้ๆ 90 องศากับ Cable หรือกล่าวอีกก็คือ เค้าไม่ตึงแขนเวลาฉีก ... ถ้าลองไปสังเกตุดูหลายๆ Video น่ะครับ เค้าไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ซึ่งถ้าอ่านมาเจอผมแล้วผมขอพูดครับ เนื่องจากผมมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากพอๆ กับ การฉีกน้ำ และ การกดน้ำเลยด้วยซ้ำ ..... ก่อนจะผ่านตรงนี้ไปผมขอเล่า Side Story อีกน่ะครับ ....
Side Story >> การทำให้เราลอยขึ้นไปบนฟ้านั้นเนี้ย โคตรง่ายเลยครับ เนื่องจากทำยังไงมันก็ลอย แต่ ประเด็นที่ตามมาคือ หลังจากลอยแล้วคุณจะทำอะไรต่อ
เรื่องที่ 1 ผม เคยฝึก Air แบบนี้ครับ ... สมัยก่อนผมก็ไม่กล้าหรอกครับ ทำบ้างไม่ทำบ้าง กล้าๆ กลัวๆ แต่ผมมีท่านึงเป็นเอกลักษณ์มาก คือผมเล่น Wakeboard ไม่จับ Handle เลย คือ เอามาหนีบไว้ระหว่างขาแล้วให้มันลากไป ... พอจะเล่นท่าค่อยเอาออกมา ... ตอนแรกผมชอบมากเลยครับ เล่นแล้วไม่เหนื่อยเลย Happy มาก เพราะมันลากไปเรื่อยๆ ชิวๆ จะเล่นท่าอะไร จะเล่นอุปกรณ์ไหน ค่อยเอาออกมา สะดวกสบายจะตาย .... <<< "ผมแนะนำตรงนี้เลยน่ะครับ อย่าทำ !!! ไม่ว่าคุณจะคิดว่ามันเท่ห์แค่ไหนก็ตาม เดี๋ยวจะหาเวลาพูดเรื่องนี้ท้ายๆตอนสรุปน่ะครับ" >>> คราวนี้พอผมสะดวกมาก ตอนเข้าโค้ง ผมเลยทำเหมือน Air ครับ แต่ไม่จับ Handle คือ หนียไว้ระหว่างขา ฉีก แล้วกดน้ำให้มันลอยๆ น่ะครับ เพื่อนๆ พี่ๆ สมัยนั้นเรียกผมว่า "แต๊บ Air" คือ แต๊บ Handle ไว้ระหว่างขา แล้วมันลอยขึ้นมาเอง
เรื่องที่ 2 เดิมที่ Video นี้ผมได้ทำการ Private ไว้น่ะครับ แต่ผมเอามาเปิดให้เพื่อนๆ ดูกันดีกว่าเพื่อจะได้รู้ว่าผมพูดถึงอะไร ... Video นี้เป้น Video ที่ผมเอง(Admin)หัด Air ช่วงเล่น Wakeboard ใหม่ๆ
ฟัง ผมพูดไปแล้วดูตามน่ะครับ วีดีโอนี้ให้ดูประกอบเฉยๆ ครับ จริงๆ แล้ว ใน video นี้ ผิดทุกอย่างเลยครับ ทั้งการ ฉีก การ ขึ้น สมัยก่อนผมเรียกว่าที่ผมทำได้เนี้ย คือ Air แต่จริงๆ ตอนนี้ ถ้าผมกลับไปบอกตัวเองได้ ผมจะบอกว่า ไอ้อ่อน 555+ ทำไมผมถึงคิดอย่างนั้นครับ
ผมจะบอกให้ครับว่าตอนที่เพื่อนผมถ่าย Video นี้ผมทำอะไรอยู่
ง่ายๆ เลยครับ ตอนเค้าโค้งผมไม่ฉีกด้วยครับ ผมใช้วิธีเอนหลังให้มันมีเหมือนแรงฉีก แต่จริงๆ คือใน Video ผมไม่ฉีกเลยครับ คือเอนหลังไปแล้วในขณะเดียวกันหลังจากเอนหลังไปแล้ว ก็ใช้วิธีการสับ Wakeboard ลงไปในน้ำ ... มันก็ลอยแบบที่เห็นในรูปแหละครับ ... สรุป ผมไม่ได้ฉีกผมก็ลอยได้ แถม ลงได้ด้วย แต่ท่ากากมากกกกก
>> จบ side story มาเข้าเรื่องต่อครับ ผมพูด Side Story ให้ฟัง เพราะว่าผมจะบอกว่า แขนก็สำคัญเช่นกัน หลายๆ คนไม่ได้ให้ความสำคัญในจุดนี้น่ะครับ ผลที่ได้คืออะไร ? จริงๆ ก็ Air ได้เหมือนกันแหละครับ จะไม่มาสนใจแขนก็ได้ แต่คุณอาจจะทำท่าต่อเนื่องได้ลำบาก ... อาจจะจบแค่ที่ท่า Air ไปต่อ Blind Judge ไม่ได้(Air + 180 องศาข้างที่ไม่ถนัด) เพราะอะไรเหรอครับ ?? เพราะว่าเนื่องด้วยแขนคุณตึงมาก คุณจึงไม่เหลือเวลาที่จะทำอะไรต่อแล้ว และก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะ ไม่มีแรงที่จะไปดึงเชือกกลับมาในขณะที่อยู่กลางอากาศ แต่ต่างกันกับ Video แรกน่ะครับ แขนเค้าแถบจะใกล้ลำตัวตลอดเวลา คราวนี้พอจะทำอ่าอะไรหลังจะ Air หรือแม้แต่เวลาในการจัดระเบียบร่างกายยังจะมีมากกว่าผมที่ทำแบบไม่ในใจใน เรื่องแขนโดยสิ้นเชิง
ผมมีภาพประกอบอีกครับ จากที่ผม Air แล้วแขนตึงผลจะเป็นยังไง >> พี่เอ้ (TWP) ถึงกับบอกว่า Got this picture and just want you to take a look! Otherwise, you will hurt your shoulder again. LOCK YOUR ARM!!! , ทำไมพี่เอ้ถึงพูดแบบนี้ ครับ คืออย่างนี้ครับ ผมไหล่หลุดไปแล้วครับ แต่ผมเคยไปลงแข่งงานอะไรสักอย่าง แล้วผมก็มา Air อีก โดยไม่ได้ใส่ใจกับแขนเหมือนเดิม หรือ พยายามจะใส่ใจแล้ว แต่มันไม่เป็นแบบ Video แรก ที่พี่เอ้บอกว่าไหล่ผมจะเจ็บ หรือ หลุดอีกแน่นอน เพราะอะไรครับ ก็ดูจากภาพผมสิครับ เหลือเวลาที่ไหนให้ทำอะไร ? แรงทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น ภาระมันจะไปอยู่ที่ไหล่หมดแล้วน่ะครับ ตามภาพ ... เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไงผมก็จะหลุดอีกแน่นอน พี่เอ้จึงเน้นย้ำว่า LOCK YOUR ARM !!! คือให้ Lock แขนไว้ให้อยู่กับตัว
สรุปน่ะครับ Part แรก ที่สำคัญจริงๆ น่ะครับ คือ
การฉีกน้ำ
การ ฉีกน้ำเนี้ย ยังไงก็ได้แล้วแต่ฉนัดเลยครับแต่ต้องฉีกแล้วนิ่งน่ะครับ หมายความว่า Board ไม่ส่ายไปส่ายมา ต้องฉีกแบบนิ่งๆ น่ะครับ ทำเพื่อเป็นการเพิ่มแรงตึงเชือก จะทำแบบใน Video ที่ 1 ก็ได้ครับ คือให้ Wakeboard ทำมุม ใกล้ๆ 45 องศากับผิวน้ำ กด ส้นเท้าลงไปในน้ำ ถ้าไม่เข้าใจลองฉีกให้ได้ก่อนน่ะครับ เพราะ การฉีกดีมีผลมาก
แนะนำ ควรหัดที่โค้ง 4(กรณี Cable 5 เสา) หรือ โค้ง 3(กรณี Cable 4 เสา) และควรหัดในเวลาที่ไม่มีคนอยู่ข้างหน้า เหตุผลเพราะ ทุกคนสร้างคลื่นครับ คลื่นมีผลมากเวลาเราฉีกครับ แต่ Pro ๆ หรือ ชำนาญแล้ว คลื่นจากคนข้างหน้าทำอะไรเค้าไม่ได้ครับ
เพิ่ม เติม การฉีกมีอยู่ 2 แบบ หลักๆ ครับ คือ Progressive Edging กับ Agressive Edging มันมีความต่างกันอยู่ คือ อันนี้ละเอียดอ่อนครับ ไปถาม โปรๆ น่ะครับ สำหรับผมผมลองมาหมดแล้วครับ ตอนแรกหัด Air ใหม่ๆ เพื่อนผมคนเดิม (โปร ชุ) บอกว่า "ต้า อย่าคิดอะไรเยอะ มึงคิดแค่ว่าฉีกก่ะตายเข้าหาฝั่งเป็นพอ" คำพูดนี้จริงๆ มันแฝงอะไรที่เป้น Technical เยอะน่ะครับ ถ้ามองให้ลึกซึ้ง คือ ท่าเนี้ยอย่างที่ผมบอกไป มันจะง่ายก็ง่ายครับ มันจะยากก็ยาก วิธีที่ชุบอกเนี้ย คือ Agressive Edging ครับ คือการฉีกหนักด้วยความเร็วเท่าเดิม แล้ว ตัดน้ำ หรือ กดน้ำเพื่อให้ลอยขึ้นไป แต่หลังๆ ผมใช้ Progressive Edging น่ะครับ คือ การฉีกมาด้วยความเร็วระดับนึง แล้ว เร่งจังหวะสุดท้ายก่อนจะขึ้น ก็เหมือนกันครับ ถึงบอกว่า อย่าคิดเยอะครับแรกๆ เอาแบบที่โปรชุว่าดีกว่า ลอย Sure 555+
การ Lock แขน
สำคัญ มากและสำคัญที่สุด (คนอื่นอาจจะไม่เป็นปัญหาแต่ผมเป็นปัญหามากครับ) ขอเล่า Side Story มันในหัวข้อนี้เลยน่ะครับและก็ที่มีกล่าวมาข้างบนด้วย .... คืออย่างนี้ครับ ผมน่ะ Air ได้นานแล้วน่ะครับถ้านับตั้งแต่ Video กากๆ ของผมอันนั้น และหลังจากที่ ผมไหล่หลุดไป ผมก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหา ผมก็ยัง Air ได้อยู่ เพราะผมคิดว่าองศาที่จะทำให้ไหล่หลุดได้ มันคือแรงที่มาจากด้านหน้าผลักเข้ามาที่ไหล่ แต่การ Air มันเป็นการดึงเราไปข้างหน้า มันกลับกัน ผมเลยใช้ความใจกล้าหน้าด้าน ฝืนทำต่อไป แล้วก็ทำได้ แต่ก็หัดฉีกใหม่น่ะครับ คราวนี้เน้นฉีกมากขึ้น ผมหัดท่าสุดท้ายก่อนผมจะเลิกเล่นไปพักใหญ่ๆเลยคือ Blind Judge ครับ ผมลง Blind Judge ได้น่ะ แต่ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ไม่เจ็บ เพราะมันลงน้ำแล้วผมรักษา Stable ไว้ไม่ได้ และก็ไม่ค่อย sure เรื่องการ Blind ด้วย แต่ผมก็ยังไม่สามารถ Lock แขนไว้ได้อยู่ดี อาศัย Technic ล้วนๆ ครับ
ทำไม ผมถึง Lock แขนไม่ได้ .... ต้องตอบแบบนี้ครับ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผม Air ผม ในหัวผมมีแค่ 2 จังหว่ะที่มีสติน่ะครับ คือตอนฉีก กับตอนจัดระเบียบร่างกายในตอนลง .... แปลว่าอะไร มีจังหว่ะนึงที่สติผมหายไปเลยครับ คือ จังหว่ะขึ้น ... ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขึ้นไปได้ยังไง มันจึงไม่แปลกเลยที่ว่าทำไมแขนผมถึงตึง เพราะผมไม่มีสติแม้แต่จะรู้ว่าแขนผมตึงไปข้างหน้าแล้ว แม้จะพยายามหนีบไว้กับตัวแค่ไหน แต่พอลอยขึ้นไป มันไม่รู้สึกถึงแขนเลย รู้ตัวอีกทีคือตอนจะลงแล้ว ... ผมเรียกจังหว่ะนี้แหละครับ ว่าจังหว่ะที่ 1.5 หรือ Part 1.5 คือ จังหว่ะช่วงที่ขึ้นหลังจากตัดน้ำแล้ว สาเหตุเพราะอะไร ??? เรื่องแต๊บไงครับ จำได้มั้ย ??? ผมแต๊บจนเคยตัว จนเคยชิน พอจะ Air ค่อยเอามันออกมา แล้วทำ ผมสรุปได้เลยครับ ว่าแขนผมมันมีแรงไม่พอที่จะรับรู้ถึงเชือกที่ดึงไป ผมกลับมาเล่นใหม่ครับ หลังจากไม่ได้เล่นมาเกือบ 5 ปี ผมไม่แต๊บอีกเลย และสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าผมจะแต๊บวันไหน แปลว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเลิกเล่น Wakeboard แล้วครับ (หากเหนื่อยจริงๆ เอามาคล้องแขนยังพอได้น่ะครับ แต่เอามาแต๊บเนี้ย ทุ่นแรงแบบสุดๆ และมันกลายเป็นว่ามาเล่น Wakeboard เพื่อมาชื่นชมธรรมชาติ ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเลย)
สรุป ผลจากการกลับมาเล่นประมาณ 1 เดือน กว่าๆ อาทิตย์ล่ะ 1-2 ครั้งโดยประมาณ ผมตัดสินใจ Air อีกรอบนึงครับเมื่อวานนี้ (6 Feb 2014) ผมทำเหมือนเดิมครับ ฉีกปกติ เน้นจังหว่ะสุดท้ายนิดนึง แล้ว สับ Wakeboard ลงไปในน้ำในขณะที่เหน็บแขนไว้ข้างลำตัว ..... Amazing ผมรู้สึกแล้วครับ จังหว่ะที่ขึ้น ผมรู้เลยว่าแขนผมมี แรงมาสะกิดนิดนึง แต่ผมยังคงรูปร่าง ให้ใกล้เคียง 90 องศาเหมือนเดิมได้ (จริงๆ ไม่ขนาด 90 หรอกครับ แต่ให้เรามโนเอาว่าเป็นแบบนั้นน่ะครับ) พอรู้ว่ามีแรงมากระทำ แล้วมันไม่ได้ดึงเราไปข้างหน้ามากมายเหมือนแต่ก่อน ร่างกายผมก็เริ่มจัดรูปร่างเตรียมลงโดยอัตโนมัติครับ สรุปผลที่ได้ Clean And Clear ครับ ผมดีใจมากเพราะนี้แหละ ท่า Air ที่ผมต้องการจริงๆ มันคือแบบที่ผมทำได้เมื่อวาน
แต่ เมื่อวานที่ทำได้เนี้ย ต่ำมากน่ะครับ 555+ ลงมาเรียกว่าพอดีเลย
อาจจะเหมือน Video ผมที่ทำแรกๆ แต่ความรู็สึกและท่าทางที่จับได้
มันไม่เหมือนใน Video นั้น
เพิ่มเติมนิดนึงครับ ที่ผมบอกว่า ฝึก Air ออก จาก Dock Start ได้เนี้ย คือ ช่วยในจังหว่ะ 1.5 เนี้ยแหละครับ มันคือ Feeling เดียวกัน คือ เชือกกระชากเราไป แต่เรายังควบคุมตัวเองได้ ผมจึงมองว่ามีส่วนมากๆ ครับ ในการช่วย (ปล. ผมไม่เคยฝึก Dock Start แบบ Air ออกน่ะครับ กลัวทำไม่ได้อาย 555+ แต่เดี๋ยวว่าจะหาโอกาศฝึกครับ เท่ห์ดี)
การตัดน้ำ
เรื่อง นี้หลายคนพูดง่าย แต่ทำ ยาก .... การตัดน้ำ กดน้ำ เฉือนน้ำ หลายหลายคำพูดมากครับ เรื่องนี้ผมแยกยากน่ะครับ แต่ที่แน่ๆ เลย คือ ไม่ใช่การกระโดดน่ะครับ อันนี้ผมบอกได้แน่ๆ การที่คุณฉีกมาเหมือน Air แล้วกระโดด มันทำให้กระโดดสูงน่ะครับ แต่มันไม่ใช้ Air แยกประเด็นก่อน มันจะมีอีกแบบบนึงที่เค้าฉีกกันหล่อๆ แล้วกด Handle ต่ำๆ แล้วมันจะดูเหมือนกระโดด อันนั้น Technical มากแล้วครับ ผมก็ไม่ทราบว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่มือใหม่ที่แน่ๆ ไม่ใช่กระโดดแน่นอนครับ จะต้องทำอย่างใดอย่างนึงคือ การตัดน้ำ, เฉือนน้ำ หรือ กดน้ำ
ส่วนนี้ ผมบอกตรงๆ น่ะครับ ผมไม่ชำนาญจริงๆ คือ เคยถามพี่ อ้ำ Thai Wake Park พี่อ้ำใช้การเฉือนน้ำลอยขึ้นไปน่ะครับ แต่ผมไม่ได้ทำแบบนั้น ผมทำแบบนี้น่ะครับ (ในความรู้สึกผมน่ะครับ) คือ ฉีกไปแล้ว ใหม่ๆ ไม่รู้หรอกครับว่าจังหว่ะไหนควรจะตัดน้ำ จึงให้ยึดหลักการอาจารย์ ชุ ของผมครับ คือ ฉีกก่ะตายเข้าฝั่ง นับ 1-2-3 แล้ว ตัดลงไปเลย ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น .... มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ เพียงแต่ตอนอาจารย์ชุ พูด ไม่ได้บอกให้ Lock แขน หรือ บอก แล้วผมไม่จำก็ไม่รู้ ผมสรุปเรียบเรียงใหม่ให้กับคนที่อยากจะหัดน่ะครับคือ
>> ฉีกเข้าฝั่งให้แรงที่สุด พร้อมกับ Lock แขนไว้ พยายามให้รู้สึก 90 ที่สุด >> นับในใจ 1 - 2 - 3 หรือ จะแค่ 1 - 2 ก็ได้ แล้วแต่ความสบายใจ เสร็จแล้ว ก็ตัดน้ำเลยครับ
วิธีการตัดน้ำของผมคือ ทิ้งน้ำหนักไปที่ส้นเท้าทั้ง 2 ข้างด้วยน้ำหนักที่เท่าๆ กัน มันก็จะลอยขึ้นอย่างเท่าๆ กัน เท่านั้นเองครับ
ถ้ากดข้างไหนมากกว่า / น้อย กว่า ก็ไม่เป็นไรครับ มันก็จะบิดๆ นิดหน่อย เดี๋ยวร่างกายเราไปจัดระเบียบเองบนฟ้าได้ครับ
แต่ถ้าต่างกันมากเกินไปก็งานงอกครับ อาจจะกลายเป็นตีลังกาได้ หรือ หมุน ได้ แล้วแต่บุญแต่กรรม
วิธีการฝึก Part ที่ 2 (จังหว่ะลง)
วิธี การคือ ทำบุญเยอะๆ 555+ ทำไมผมพูดแบบนี้ ... คือจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยครับว่าร่างกายผมจัดระเบียบยังไง มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ แต่จริงๆ มันก็มี Technic อยู่ครับ อันนี้คือมีคนบอกมาน่ะครับ ผมไม่ได้ทำ หรือ ทำโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าผมก็ไม่รู้
วิธีการลงให้เร็วคือ ดึง Handle มาต่ำๆ ต้ำกว่าอกได้ยิ่งดีครับ มันจะเป็นการบังคับให้เราจัดร่างกายพร้อมลงโดยอัตโนมัติ เท่านี้เองครับ
ปัญหาและอุปสรรค์ระหว่างการหัดท่า Air
1.เนื่องจาก ท่านี้เป็นท่าที่ใช้ความกล้าและอันตรายพอสำควร Technic ที่จะทำให้เป้นท่านี้เร็วคือ ลากเพื่อนไปหัดด้วยครับ ไปทำที่โค้ง เสร็จแล้ว ให้เพื่อนที่เป็นทัพหน้า ตกน้ำไปก่อน ไปที่ฝั่งเพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนอีกคนที่กำลังจะมาเจ็บเหมือนเรา 555+ ผมไม่รู้คนอื่นคิดว่าสำคัญหรือเปล่า แต่สำหรับผมโคตรสำคัญ บอกตรงๆ ว่าถ้าไม่มีเพื่อนช่วยบิ้ว หรือ ไม่มีคนหัดเป็นเพื่อน ผมว่าผมทำไม่ได้น่ะครับ
2. ป๊อดดดด .. ไม่แปลกเลยครับที่จะป๊อด ผมเองยังป๊อดอยู่เลย ผมนั่งทำใจทำสมาธิมาก แม้แต่ครั้งล่าสุดที่เพิ่ง Air ไป ก็ทำใจมาก วนในสนามอยู่หลายรอบมาก รอจนคนข้างหน้าไม่มี รอจนเชือกตัด บลาๆ ขนาดถึงกับบอกให้คนที่ปล่อยเชือกช่วยดูผมด้วยเผื่อผมเป็นอะไรไปจะได้รีบไป ช่วย กลัวถึงขนาดนั้น รอบแรกบอกคนปล่อยเชือกไปน่ะเค้าบอกเป็นอย่างดีจะรีบไปช่วย แต่ผมอายตรง ผมไม่ได้ทำในรอบนั้น 555+ ประเด็นคือ ข้างหน้าผม 2 คนด้วยแหละครับ คลื่นมันเยอะ กากๆ อย่างผมขอเรียบๆ เท่านั้น
ประเด็นที่จะสื่อคือ ป๊อดได้ครับ จะป๊อดเท่าไหร่ก็ได้ กี่รอบก็ได้
จะวนจนบึงปิดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาทำก็ได้ แต่ประเด็นคือ
ถ้ารอบไหนคุณมั่นใจแล้วว่าจะทำ ขณะก่อนเข้าโค้งห้ามเปลี่ยนใจแล้วน่ะครับ
ถ้าเปลี่ยนใจแล้วไปเผลอทำแบบกล้าๆ กลัว .... และแน่นอน ครัช ผมการันตีได้
3. หัดแล้วไม่เจ็บครับ ลอยได้ แต่หันหลังลง อันนี้ร้ายแรงครับ เนื่องจากกล้ามเนื้อมันจำไปแล้ว ว่าหันหลังลงไม่เจ็บ สัญชาติญานการเอาตัวรอดของมนุษย์ น่ะครับ ก็เลยกลายเป็นว่าหันหลังลงตลอด คราวนี้ลำบากตรง จะไม่ได้เอาหน้าลงสักทีมันก็ลงไม่ได้ ผมแนะนำเลยน่ะครับ ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ ไปหัดท่าอื่นเลยครับ ให้ร่างกายมันลืมๆ ไปก่อน แนะนำให้ไปหัด Backroll ครับ ดีไม่ดีง่ายกว่า Air อีกครับ เสร็จแล้ว ให้เวลาผ่านไปสักพักค่อยกลับมาหัด Air ใหม่
จบแล้วครับ เท่านี้แหละครับี่ผมอยากจะมา Share ให้ฟัง ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้น่ะครับ ผมบอกแล้วผมไม่ใช่โปร การที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะผมเข้าใจว่าไปหาอ่านเป็นภาษาไทยน่าจะ ไม่มี ลอง Search Google ดูสิครับ และ ผมก็อยากจะให้เห็นมุมมองของการหัดดูครับ เผื่อจะช่วยลดการบาดเจ็บของเพื่อนๆลงได้บ้างน่ะครับ
สุดท้าย นี้ฝากไว้เลยน่ะครับ จะ อ่าน Technic มาเยอะแค่ไหน สิ่งที่สำคัญกว่า Technic ทั้งมวดคือ ใจ น่ะครับ ต้อง 100% กับทุกท่าที่คุณหัด ห้ามลังเล เพราะไม่ฉะนั้นขบไม่สวยแน่ๆ ครับ
โชคดีกับการบินน่ะครับ เดี๋ยวถ้าได้ถ่าย Video ตอนผม Air แล้วจะเอามาให้ดูน่ะครับ
ทำไมหัดท่านี้แล้วเจ็บจุงเบย ???
อธิบายประเด็นนี้ให้ฟังก่อนน่ะครับ เนื่องจาก Air เนี้ย เรานิยมหัดทำกันที่โค้ง คือพอเค้าโค้งมาแล้วเริ่มทำเลย ..... ถามว่าไปหัดที่ทางตรงไม่ได้เหรอ ? คำตอบคือได้ครับ แต่ไม่ควร เพราะด้วยถ้าเพิ่งหัดใหม่ๆ การ Air ทางตรงเป็นเรื่องที่ยากครับเพราะต้อง อาศัยการ ฉีกน้ำเพื่อ Build Tension(สร้างแรงตึงของเชือก) ยกเว้นคนที่ถนัดซ้ายนำ ถ้าซ้ายนำเริ่มหัดนี้เค้าหัดกันที่จุด Start เลยครับ คือฉีกออกซ้ายสร้างแรงตึกเชือก .... คราวนี้มันเจ็บเพราะว่า เนื่องด้วยเราใช้ Tension ที่ค่อนข้างตึงพอสมควรคราวนี้พอตกลงมา มันจะไม่เหมือนความเจ็บที่เกิดจากการตกจาก Kicker หรือ Lamp น่ะครับ เพราะอันนั้นเราไม่ได้สร้างแรงตึงของเชือกมากมายเวลาจะทำท่าอะไรก็แล้วแต่ ก็ยกเว้นอีกครับ คนที่เค้าฉีกเยอะเพื่อสร้างแรงตึง พร้อมกับการ POP บนอุปกรณ์ ถ้าทำ 2 อย่างนี้คู่กันอาจจะเจ็บกว่า Air โค้งก็ได้ครับ
โอกาศเจ็บสุดๆ ได้แค่ไหน ???
เท่าที่ผมเคยเจอมาน่ะครับ ผมยก Case มาให้ดูก่อนครับ ไม่ได้เอามาขู่น่ะครับ แค่จะเอามาให้เห็นก่อน
Case ที่ 1 ศูนย์เสียความทรงจำระยะสั้น .... ที่มาคือเพื่อนที่สอนผมเล่น Wakeboard มานาน อ้างชื่อได้ครับชื่อ โปร ชุ 555+ ชุ เคยศูนย์เสียความทรงจำระยะสั้นจากการ Air มาแล้วครับ คำถามคือ เกิดขึ้นได้ยังไง ? ตอนที่พลาดเนี้ย ชุก็ทำท่า Air ได้อยู่แล้วครับ แต่ยังไม่ช่ำชอง การพลาด เกิดจากการที่ชุปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอากาศมากเกินไปครับ คือ คิดว่าลงได้พริ้วๆ สวยๆ จะลง แผ่น Wakeboard จิกน้ำหน้าฟาด หรือ หลัง ฟาด ผมไม่ชัวร์ครับ ก็สรุปคือ ชุ งงไปเลยว่าวันนี้มาทำอะไรที่นี้ พูดจาช้าๆ มึนๆ งง อะไรประมาณนี้แหละครับ แต่นอนพักสักวันก็หายครับ
Case ที่ 2 ผมเองเนี้ยแหละครับ ไหล่หลุด 555+ ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี และคิดว่าคงไม่ลืมง่ายๆ มันก็เกิดจากที่ผม Air ได้แล้วนิครับ แต่ไม่มีความเข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่มีความถูกต้องอะไรเลย เรียกว่าฟลุคแล้วกันครับ มันเกิดจากที่ผมฉีกปกติ ตอนขึ้นไปบนฟ้าแล้ว Board เกิดไม่สมดุล ผมควบคุมไม่ได้เนื่องจากอาการตกใจ คือ เรียกง่ายๆ ว่าไม่สามารถคุมอะไรได้เลย หรือ ช่วงนั้นคือ ไม่มีสติอยู่กับตัวเพราะเวลามันสั้นมากครับเราจะจำได้แค่ตอนฉีกมาแล้วก็กด Board ลงไปในน้ำเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นจังหว่ะที่ลอยขึ้น มันจะเพี้ยนไปยังไงผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ตอนตกเนี้ย มันตกประหลาดๆ ตกในมุมที่ Board จิกน้ำแล้วหมุนทำให้เกิดแรงที่ช่วงไหล่ ทำให้ไหล่ผมหลุดออกไป ... สำหรับผมผมคิดว่านี้ร้ายแรงกว่า Case แรกน่ะครับ เพราะถ้าเป็นผม ต่อให้ผ่าตัดมาก็คงไม่เหมือนเดิม มันจะมีบางองศาที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เรียกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผมอยากจะหยุดเล่นเลยครับ เพราะในใจผมคือ ถ้าไม่เล่น Air โค้ง ผมก็ไม่อยากเล่น Wakeboard แล้วครับ
สรุป Case ที่ 1 และ Case ที่ 2 เนี้ยผมว่าหนักสุดแล้วครับ ถ้าจุกๆ มึนๆ นี้ไม่นับน่ะครับ อันนั้น พักแป๊ปเดียวก็หาย แต่อาจจะเข็ดจนไม่อยากทำต่อ .... คำถามคือผมเล่ามาทำไม ... จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่มีโอกาศเจ็บร้ายแรงได้เนี้ย เกิดจากคนที่ทำได้แล้วน่ะครับ แต่ยังไม่ Sure ไอ้ความที่ยังไม่ Sure เนี้ยแหละครับ โอกาศเจ็บเยอะสุด (ในมุมผมน่ะ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่า จะเจ็บ แบบ Case 1 และ Case 2 รวมกันได้เนี้ย น่าจะไม่เกิน 5% ของคนที่หัด Air ครับ เพราะฉะนั้นก็ยังหัดได้ครับ ไม่มีปัญหา
พูดมาตั้งนาน เข้าเรื่องเลยได้มั้ย ?
ได้ ครับ เพียงแต่ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง ... ขอเริ่มแบบนี้แล้วกันครับ ผมแบ่งองค์ประกอบที่ทำให้ท่านี้สำเร็จ ในช่วงแรก (ย้ำว่าในช่วงแรกน่ะครับ) .... อยากจะเขียนให้มันมากกว่านี้ แต่คำตอบมีอย่างเดียวครับ
"ใจ 100%"
คำถามคือ ทำไมผมพูดแบบนี้ คืออย่างนี้ครับ ถ้าพูดให้ง่ายๆ ว่า Air ทำยังไง ก็พูดได้ครับ ก็ เข้าโค้ง แล้ว ฉีก มา แล้ว กด Board ไปในน้ำก็ลอย แล้ว หรือ พี่ๆ บางท่านก็แค่เฉือนน้ำเบาๆ ก็ลอยแล้ว .... แต่อันนี้คือพูดในมุมที่เราเข้าใจแล้วน่ะครับ คราวนี้สำเร็จในช่วงแรกหมายความว่ายังไงครับ ? คือต้องแยกท่านี้ออกเป็น 2 Part ครับ ... Part แรก คือ ลอยบนฟ้าได้ Part ที่ 2 คือ Landing ..... ทำไมผมถึงต้องแยก Part ? เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเห็นมา ไม่ค่อยจะเจอใครที่หัดแล้วสามารถลอยได้ลงได้ในครั้งแรก .... ทำไมผมถึงมั่นใจนัก ? งั้นผมถามใหม่ ปกติ ขึ้น Kicker ครั้งแรก แล้วลงได้เลยไหมครับ ??? คำตอบก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ถ้าลอยได้ครั้งแรก ก็ไม่ใช่ว่าส่วนใหญ่จะลงได้น่ะครับ
ก่อนผมจะพูดต่อไป ผมขอเสริม Side Story มาก่อนครับ เนื่องด้วยว่าการหัด Air สมัยนี้มีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจและเจ็บตัวน้อยมากครับ
ลองอ่านดูก่อนน่ะครับ
1.หัดด้วยการ Shot เชือก หรือ Cable 2 เสา >>> เพราะอะไรถึงง่าย เพราะเนื่องด้วยเชือกมันสั้นมากครับ ฉีกนิดเดียว Tension ก็เยอะพอ และ ทำให้เราลอยขึ้นไปได้ง่าย และก็ยังเจ็บตัวน้อยด้วย หัดวิธีการนี้อาจจะสามารถขึ้นและลงได้ในครั้งแรกที่ทำเลยก็เป็นได้น่ะครับ ไม่ขออธิบายละเอียดน่ะครับ สอบถามรายละเอียดที่ Thai Wake Park หรือ Kite Cable Ski ดูน่ะครับ
2. หัดด้วยการ Air Kicker >> ก็คือทำเหมือน Air เลยครับ เพียงแต่เราทำบน Kicker เท่านั้นเอง มีอุปกรณ์ช่วนให้ลอย ทำให้สามารถฝึก Part ที่ 2 คือการ Landing ได้ Sureๆ ก็ถือเป็นการฝึกที่ดีครับ
3. หัดด้วยการ Air Dock Start >> จริงๆ จะบอกว่า Air ก็ไม่ใช่ การหัด Dock Start เนี้ย คือ กระโดดออกตอนจังหว่ะที่เชือกดึงเราไปน่ะครับ ถ้าใครนึกภาพไม่ออกลองดูตอนที่คนเค้ายืน Start แล้วเค้ากระโดดลอยๆ นั้นแหละครับ จะช่วยการฝึก Part 2(Landing) และ Part ที่ 1.5(จังหว่ะที่กำลังจะขึ้น เดี๋ยวผมจะพูดในภายหลัง)
4. หัดด้วย Tampoline >> คืออันนี้อาจจะได้ Feel ตอนอยู่บนอากาศ และการจัดระเบียบร่างกายน่ะครับ จริงๆ Tampoline เนี้ยเหมาะแก่การหัดทุกท่าเลยน่ะครับ เพราะ Tampoline ไม่มี Tension ถ้าทำบน Tampoline ได้ ทำบนน้ำจริงๆ จะง่ายขึ้นไปกว่าตอนทำบน Tampoline อีก เพราะมีแรงตึงช่วย .... แต่เรื่องท่า Air ส่วนตัวผมมองว่า Tampoline ไม่ช่วยอะไรน่ะ
มาเข้าประเด็นต่อ วิธีการฝึก Part ที่ 1 (ลอยบนฟ้า)
ถ้าเข้ามาอ่านถึงส่วนนี้ได้แปลว่าคุณได้ข้าม Side Story มาแล้ว ส่วนจะทำหรือเปล่านี้แล้วแต่ศรัทธาน่ะครับ โดยส่วนตัวผมไม่ได้ทำ Side Story น่ะครับ ผมซัด Pureๆ เลย เพราะผมเล่นในยุคสมัยที่อุปกรณ์น้อยมาก ทำให้เหลือทางเลือกในชีวิตน้อย 555+ และอีกอย่างส่วนตัวผมมองว่าด้วยปกติผมเล่น Full Cable Size เป็นหลัก เพราะฉะนั้นผมเลยอยากลองกับสถานการณ์จริงๆ เลยมากกว่า เพราะ Air เสร็จแล้วจะได้ไปเล่นอุปกรณ์ตัวอื่นต่อ สนุกจะตาย
เริ่มด้วย Video นี้น่ะครับ ผมว่าเนี้นแหละ ถูกหลักที่สุด และ สวยที่สุด (ในความคิดผม คนอื่นมองยังไงแล้วแต่น่ะครับ ผมมองแบบนี้)
ให้สังเกตุตอนที่เค้า เริ่มฉีกน่ะครับ จะเห็นได้ว่าเค้าพยายามเหน็บไหล่ไว้กับตัว และ ทำมุมใกล้ๆ 90 องศากับ Cable หรือกล่าวอีกก็คือ เค้าไม่ตึงแขนเวลาฉีก ... ถ้าลองไปสังเกตุดูหลายๆ Video น่ะครับ เค้าไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ซึ่งถ้าอ่านมาเจอผมแล้วผมขอพูดครับ เนื่องจากผมมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากพอๆ กับ การฉีกน้ำ และ การกดน้ำเลยด้วยซ้ำ ..... ก่อนจะผ่านตรงนี้ไปผมขอเล่า Side Story อีกน่ะครับ ....
Side Story >> การทำให้เราลอยขึ้นไปบนฟ้านั้นเนี้ย โคตรง่ายเลยครับ เนื่องจากทำยังไงมันก็ลอย แต่ ประเด็นที่ตามมาคือ หลังจากลอยแล้วคุณจะทำอะไรต่อ
เรื่องที่ 1 ผม เคยฝึก Air แบบนี้ครับ ... สมัยก่อนผมก็ไม่กล้าหรอกครับ ทำบ้างไม่ทำบ้าง กล้าๆ กลัวๆ แต่ผมมีท่านึงเป็นเอกลักษณ์มาก คือผมเล่น Wakeboard ไม่จับ Handle เลย คือ เอามาหนีบไว้ระหว่างขาแล้วให้มันลากไป ... พอจะเล่นท่าค่อยเอาออกมา ... ตอนแรกผมชอบมากเลยครับ เล่นแล้วไม่เหนื่อยเลย Happy มาก เพราะมันลากไปเรื่อยๆ ชิวๆ จะเล่นท่าอะไร จะเล่นอุปกรณ์ไหน ค่อยเอาออกมา สะดวกสบายจะตาย .... <<< "ผมแนะนำตรงนี้เลยน่ะครับ อย่าทำ !!! ไม่ว่าคุณจะคิดว่ามันเท่ห์แค่ไหนก็ตาม เดี๋ยวจะหาเวลาพูดเรื่องนี้ท้ายๆตอนสรุปน่ะครับ" >>> คราวนี้พอผมสะดวกมาก ตอนเข้าโค้ง ผมเลยทำเหมือน Air ครับ แต่ไม่จับ Handle คือ หนียไว้ระหว่างขา ฉีก แล้วกดน้ำให้มันลอยๆ น่ะครับ เพื่อนๆ พี่ๆ สมัยนั้นเรียกผมว่า "แต๊บ Air" คือ แต๊บ Handle ไว้ระหว่างขา แล้วมันลอยขึ้นมาเอง
เรื่องที่ 2 เดิมที่ Video นี้ผมได้ทำการ Private ไว้น่ะครับ แต่ผมเอามาเปิดให้เพื่อนๆ ดูกันดีกว่าเพื่อจะได้รู้ว่าผมพูดถึงอะไร ... Video นี้เป้น Video ที่ผมเอง(Admin)หัด Air ช่วงเล่น Wakeboard ใหม่ๆ
ฟัง ผมพูดไปแล้วดูตามน่ะครับ วีดีโอนี้ให้ดูประกอบเฉยๆ ครับ จริงๆ แล้ว ใน video นี้ ผิดทุกอย่างเลยครับ ทั้งการ ฉีก การ ขึ้น สมัยก่อนผมเรียกว่าที่ผมทำได้เนี้ย คือ Air แต่จริงๆ ตอนนี้ ถ้าผมกลับไปบอกตัวเองได้ ผมจะบอกว่า ไอ้อ่อน 555+ ทำไมผมถึงคิดอย่างนั้นครับ
ผมจะบอกให้ครับว่าตอนที่เพื่อนผมถ่าย Video นี้ผมทำอะไรอยู่
ง่ายๆ เลยครับ ตอนเค้าโค้งผมไม่ฉีกด้วยครับ ผมใช้วิธีเอนหลังให้มันมีเหมือนแรงฉีก แต่จริงๆ คือใน Video ผมไม่ฉีกเลยครับ คือเอนหลังไปแล้วในขณะเดียวกันหลังจากเอนหลังไปแล้ว ก็ใช้วิธีการสับ Wakeboard ลงไปในน้ำ ... มันก็ลอยแบบที่เห็นในรูปแหละครับ ... สรุป ผมไม่ได้ฉีกผมก็ลอยได้ แถม ลงได้ด้วย แต่ท่ากากมากกกกก
>> จบ side story มาเข้าเรื่องต่อครับ ผมพูด Side Story ให้ฟัง เพราะว่าผมจะบอกว่า แขนก็สำคัญเช่นกัน หลายๆ คนไม่ได้ให้ความสำคัญในจุดนี้น่ะครับ ผลที่ได้คืออะไร ? จริงๆ ก็ Air ได้เหมือนกันแหละครับ จะไม่มาสนใจแขนก็ได้ แต่คุณอาจจะทำท่าต่อเนื่องได้ลำบาก ... อาจจะจบแค่ที่ท่า Air ไปต่อ Blind Judge ไม่ได้(Air + 180 องศาข้างที่ไม่ถนัด) เพราะอะไรเหรอครับ ?? เพราะว่าเนื่องด้วยแขนคุณตึงมาก คุณจึงไม่เหลือเวลาที่จะทำอะไรต่อแล้ว และก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะ ไม่มีแรงที่จะไปดึงเชือกกลับมาในขณะที่อยู่กลางอากาศ แต่ต่างกันกับ Video แรกน่ะครับ แขนเค้าแถบจะใกล้ลำตัวตลอดเวลา คราวนี้พอจะทำอ่าอะไรหลังจะ Air หรือแม้แต่เวลาในการจัดระเบียบร่างกายยังจะมีมากกว่าผมที่ทำแบบไม่ในใจใน เรื่องแขนโดยสิ้นเชิง
ผมมีภาพประกอบอีกครับ จากที่ผม Air แล้วแขนตึงผลจะเป็นยังไง >> พี่เอ้ (TWP) ถึงกับบอกว่า Got this picture and just want you to take a look! Otherwise, you will hurt your shoulder again. LOCK YOUR ARM!!! , ทำไมพี่เอ้ถึงพูดแบบนี้ ครับ คืออย่างนี้ครับ ผมไหล่หลุดไปแล้วครับ แต่ผมเคยไปลงแข่งงานอะไรสักอย่าง แล้วผมก็มา Air อีก โดยไม่ได้ใส่ใจกับแขนเหมือนเดิม หรือ พยายามจะใส่ใจแล้ว แต่มันไม่เป็นแบบ Video แรก ที่พี่เอ้บอกว่าไหล่ผมจะเจ็บ หรือ หลุดอีกแน่นอน เพราะอะไรครับ ก็ดูจากภาพผมสิครับ เหลือเวลาที่ไหนให้ทำอะไร ? แรงทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น ภาระมันจะไปอยู่ที่ไหล่หมดแล้วน่ะครับ ตามภาพ ... เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไงผมก็จะหลุดอีกแน่นอน พี่เอ้จึงเน้นย้ำว่า LOCK YOUR ARM !!! คือให้ Lock แขนไว้ให้อยู่กับตัว
- Screen Shot 2557-02-07 at 10.01.06 PM.png (1.03 MiB) เปิดดู 350 ครั้ง
สรุปน่ะครับ Part แรก ที่สำคัญจริงๆ น่ะครับ คือ
การฉีกน้ำ
การ ฉีกน้ำเนี้ย ยังไงก็ได้แล้วแต่ฉนัดเลยครับแต่ต้องฉีกแล้วนิ่งน่ะครับ หมายความว่า Board ไม่ส่ายไปส่ายมา ต้องฉีกแบบนิ่งๆ น่ะครับ ทำเพื่อเป็นการเพิ่มแรงตึงเชือก จะทำแบบใน Video ที่ 1 ก็ได้ครับ คือให้ Wakeboard ทำมุม ใกล้ๆ 45 องศากับผิวน้ำ กด ส้นเท้าลงไปในน้ำ ถ้าไม่เข้าใจลองฉีกให้ได้ก่อนน่ะครับ เพราะ การฉีกดีมีผลมาก
แนะนำ ควรหัดที่โค้ง 4(กรณี Cable 5 เสา) หรือ โค้ง 3(กรณี Cable 4 เสา) และควรหัดในเวลาที่ไม่มีคนอยู่ข้างหน้า เหตุผลเพราะ ทุกคนสร้างคลื่นครับ คลื่นมีผลมากเวลาเราฉีกครับ แต่ Pro ๆ หรือ ชำนาญแล้ว คลื่นจากคนข้างหน้าทำอะไรเค้าไม่ได้ครับ
เพิ่ม เติม การฉีกมีอยู่ 2 แบบ หลักๆ ครับ คือ Progressive Edging กับ Agressive Edging มันมีความต่างกันอยู่ คือ อันนี้ละเอียดอ่อนครับ ไปถาม โปรๆ น่ะครับ สำหรับผมผมลองมาหมดแล้วครับ ตอนแรกหัด Air ใหม่ๆ เพื่อนผมคนเดิม (โปร ชุ) บอกว่า "ต้า อย่าคิดอะไรเยอะ มึงคิดแค่ว่าฉีกก่ะตายเข้าหาฝั่งเป็นพอ" คำพูดนี้จริงๆ มันแฝงอะไรที่เป้น Technical เยอะน่ะครับ ถ้ามองให้ลึกซึ้ง คือ ท่าเนี้ยอย่างที่ผมบอกไป มันจะง่ายก็ง่ายครับ มันจะยากก็ยาก วิธีที่ชุบอกเนี้ย คือ Agressive Edging ครับ คือการฉีกหนักด้วยความเร็วเท่าเดิม แล้ว ตัดน้ำ หรือ กดน้ำเพื่อให้ลอยขึ้นไป แต่หลังๆ ผมใช้ Progressive Edging น่ะครับ คือ การฉีกมาด้วยความเร็วระดับนึง แล้ว เร่งจังหวะสุดท้ายก่อนจะขึ้น ก็เหมือนกันครับ ถึงบอกว่า อย่าคิดเยอะครับแรกๆ เอาแบบที่โปรชุว่าดีกว่า ลอย Sure 555+
การ Lock แขน
สำคัญ มากและสำคัญที่สุด (คนอื่นอาจจะไม่เป็นปัญหาแต่ผมเป็นปัญหามากครับ) ขอเล่า Side Story มันในหัวข้อนี้เลยน่ะครับและก็ที่มีกล่าวมาข้างบนด้วย .... คืออย่างนี้ครับ ผมน่ะ Air ได้นานแล้วน่ะครับถ้านับตั้งแต่ Video กากๆ ของผมอันนั้น และหลังจากที่ ผมไหล่หลุดไป ผมก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหา ผมก็ยัง Air ได้อยู่ เพราะผมคิดว่าองศาที่จะทำให้ไหล่หลุดได้ มันคือแรงที่มาจากด้านหน้าผลักเข้ามาที่ไหล่ แต่การ Air มันเป็นการดึงเราไปข้างหน้า มันกลับกัน ผมเลยใช้ความใจกล้าหน้าด้าน ฝืนทำต่อไป แล้วก็ทำได้ แต่ก็หัดฉีกใหม่น่ะครับ คราวนี้เน้นฉีกมากขึ้น ผมหัดท่าสุดท้ายก่อนผมจะเลิกเล่นไปพักใหญ่ๆเลยคือ Blind Judge ครับ ผมลง Blind Judge ได้น่ะ แต่ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ไม่เจ็บ เพราะมันลงน้ำแล้วผมรักษา Stable ไว้ไม่ได้ และก็ไม่ค่อย sure เรื่องการ Blind ด้วย แต่ผมก็ยังไม่สามารถ Lock แขนไว้ได้อยู่ดี อาศัย Technic ล้วนๆ ครับ
ทำไม ผมถึง Lock แขนไม่ได้ .... ต้องตอบแบบนี้ครับ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผม Air ผม ในหัวผมมีแค่ 2 จังหว่ะที่มีสติน่ะครับ คือตอนฉีก กับตอนจัดระเบียบร่างกายในตอนลง .... แปลว่าอะไร มีจังหว่ะนึงที่สติผมหายไปเลยครับ คือ จังหว่ะขึ้น ... ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขึ้นไปได้ยังไง มันจึงไม่แปลกเลยที่ว่าทำไมแขนผมถึงตึง เพราะผมไม่มีสติแม้แต่จะรู้ว่าแขนผมตึงไปข้างหน้าแล้ว แม้จะพยายามหนีบไว้กับตัวแค่ไหน แต่พอลอยขึ้นไป มันไม่รู้สึกถึงแขนเลย รู้ตัวอีกทีคือตอนจะลงแล้ว ... ผมเรียกจังหว่ะนี้แหละครับ ว่าจังหว่ะที่ 1.5 หรือ Part 1.5 คือ จังหว่ะช่วงที่ขึ้นหลังจากตัดน้ำแล้ว สาเหตุเพราะอะไร ??? เรื่องแต๊บไงครับ จำได้มั้ย ??? ผมแต๊บจนเคยตัว จนเคยชิน พอจะ Air ค่อยเอามันออกมา แล้วทำ ผมสรุปได้เลยครับ ว่าแขนผมมันมีแรงไม่พอที่จะรับรู้ถึงเชือกที่ดึงไป ผมกลับมาเล่นใหม่ครับ หลังจากไม่ได้เล่นมาเกือบ 5 ปี ผมไม่แต๊บอีกเลย และสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าผมจะแต๊บวันไหน แปลว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเลิกเล่น Wakeboard แล้วครับ (หากเหนื่อยจริงๆ เอามาคล้องแขนยังพอได้น่ะครับ แต่เอามาแต๊บเนี้ย ทุ่นแรงแบบสุดๆ และมันกลายเป็นว่ามาเล่น Wakeboard เพื่อมาชื่นชมธรรมชาติ ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเลย)
สรุป ผลจากการกลับมาเล่นประมาณ 1 เดือน กว่าๆ อาทิตย์ล่ะ 1-2 ครั้งโดยประมาณ ผมตัดสินใจ Air อีกรอบนึงครับเมื่อวานนี้ (6 Feb 2014) ผมทำเหมือนเดิมครับ ฉีกปกติ เน้นจังหว่ะสุดท้ายนิดนึง แล้ว สับ Wakeboard ลงไปในน้ำในขณะที่เหน็บแขนไว้ข้างลำตัว ..... Amazing ผมรู้สึกแล้วครับ จังหว่ะที่ขึ้น ผมรู้เลยว่าแขนผมมี แรงมาสะกิดนิดนึง แต่ผมยังคงรูปร่าง ให้ใกล้เคียง 90 องศาเหมือนเดิมได้ (จริงๆ ไม่ขนาด 90 หรอกครับ แต่ให้เรามโนเอาว่าเป็นแบบนั้นน่ะครับ) พอรู้ว่ามีแรงมากระทำ แล้วมันไม่ได้ดึงเราไปข้างหน้ามากมายเหมือนแต่ก่อน ร่างกายผมก็เริ่มจัดรูปร่างเตรียมลงโดยอัตโนมัติครับ สรุปผลที่ได้ Clean And Clear ครับ ผมดีใจมากเพราะนี้แหละ ท่า Air ที่ผมต้องการจริงๆ มันคือแบบที่ผมทำได้เมื่อวาน
เพิ่มเติมนิดนึงครับ ที่ผมบอกว่า ฝึก Air ออก จาก Dock Start ได้เนี้ย คือ ช่วยในจังหว่ะ 1.5 เนี้ยแหละครับ มันคือ Feeling เดียวกัน คือ เชือกกระชากเราไป แต่เรายังควบคุมตัวเองได้ ผมจึงมองว่ามีส่วนมากๆ ครับ ในการช่วย (ปล. ผมไม่เคยฝึก Dock Start แบบ Air ออกน่ะครับ กลัวทำไม่ได้อาย 555+ แต่เดี๋ยวว่าจะหาโอกาศฝึกครับ เท่ห์ดี)
การตัดน้ำ
เรื่อง นี้หลายคนพูดง่าย แต่ทำ ยาก .... การตัดน้ำ กดน้ำ เฉือนน้ำ หลายหลายคำพูดมากครับ เรื่องนี้ผมแยกยากน่ะครับ แต่ที่แน่ๆ เลย คือ ไม่ใช่การกระโดดน่ะครับ อันนี้ผมบอกได้แน่ๆ การที่คุณฉีกมาเหมือน Air แล้วกระโดด มันทำให้กระโดดสูงน่ะครับ แต่มันไม่ใช้ Air แยกประเด็นก่อน มันจะมีอีกแบบบนึงที่เค้าฉีกกันหล่อๆ แล้วกด Handle ต่ำๆ แล้วมันจะดูเหมือนกระโดด อันนั้น Technical มากแล้วครับ ผมก็ไม่ทราบว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่มือใหม่ที่แน่ๆ ไม่ใช่กระโดดแน่นอนครับ จะต้องทำอย่างใดอย่างนึงคือ การตัดน้ำ, เฉือนน้ำ หรือ กดน้ำ
ส่วนนี้ ผมบอกตรงๆ น่ะครับ ผมไม่ชำนาญจริงๆ คือ เคยถามพี่ อ้ำ Thai Wake Park พี่อ้ำใช้การเฉือนน้ำลอยขึ้นไปน่ะครับ แต่ผมไม่ได้ทำแบบนั้น ผมทำแบบนี้น่ะครับ (ในความรู้สึกผมน่ะครับ) คือ ฉีกไปแล้ว ใหม่ๆ ไม่รู้หรอกครับว่าจังหว่ะไหนควรจะตัดน้ำ จึงให้ยึดหลักการอาจารย์ ชุ ของผมครับ คือ ฉีกก่ะตายเข้าฝั่ง นับ 1-2-3 แล้ว ตัดลงไปเลย ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น .... มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ เพียงแต่ตอนอาจารย์ชุ พูด ไม่ได้บอกให้ Lock แขน หรือ บอก แล้วผมไม่จำก็ไม่รู้ ผมสรุปเรียบเรียงใหม่ให้กับคนที่อยากจะหัดน่ะครับคือ
>> ฉีกเข้าฝั่งให้แรงที่สุด พร้อมกับ Lock แขนไว้ พยายามให้รู้สึก 90 ที่สุด >> นับในใจ 1 - 2 - 3 หรือ จะแค่ 1 - 2 ก็ได้ แล้วแต่ความสบายใจ เสร็จแล้ว ก็ตัดน้ำเลยครับ
วิธีการตัดน้ำของผมคือ ทิ้งน้ำหนักไปที่ส้นเท้าทั้ง 2 ข้างด้วยน้ำหนักที่เท่าๆ กัน มันก็จะลอยขึ้นอย่างเท่าๆ กัน เท่านั้นเองครับ
ถ้ากดข้างไหนมากกว่า / น้อย กว่า ก็ไม่เป็นไรครับ มันก็จะบิดๆ นิดหน่อย เดี๋ยวร่างกายเราไปจัดระเบียบเองบนฟ้าได้ครับ
วิธีการฝึก Part ที่ 2 (จังหว่ะลง)
วิธี การคือ ทำบุญเยอะๆ 555+ ทำไมผมพูดแบบนี้ ... คือจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยครับว่าร่างกายผมจัดระเบียบยังไง มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ แต่จริงๆ มันก็มี Technic อยู่ครับ อันนี้คือมีคนบอกมาน่ะครับ ผมไม่ได้ทำ หรือ ทำโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าผมก็ไม่รู้
วิธีการลงให้เร็วคือ ดึง Handle มาต่ำๆ ต้ำกว่าอกได้ยิ่งดีครับ มันจะเป็นการบังคับให้เราจัดร่างกายพร้อมลงโดยอัตโนมัติ เท่านี้เองครับ
ปัญหาและอุปสรรค์ระหว่างการหัดท่า Air
1.เนื่องจาก ท่านี้เป็นท่าที่ใช้ความกล้าและอันตรายพอสำควร Technic ที่จะทำให้เป้นท่านี้เร็วคือ ลากเพื่อนไปหัดด้วยครับ ไปทำที่โค้ง เสร็จแล้ว ให้เพื่อนที่เป็นทัพหน้า ตกน้ำไปก่อน ไปที่ฝั่งเพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนอีกคนที่กำลังจะมาเจ็บเหมือนเรา 555+ ผมไม่รู้คนอื่นคิดว่าสำคัญหรือเปล่า แต่สำหรับผมโคตรสำคัญ บอกตรงๆ ว่าถ้าไม่มีเพื่อนช่วยบิ้ว หรือ ไม่มีคนหัดเป็นเพื่อน ผมว่าผมทำไม่ได้น่ะครับ
2. ป๊อดดดด .. ไม่แปลกเลยครับที่จะป๊อด ผมเองยังป๊อดอยู่เลย ผมนั่งทำใจทำสมาธิมาก แม้แต่ครั้งล่าสุดที่เพิ่ง Air ไป ก็ทำใจมาก วนในสนามอยู่หลายรอบมาก รอจนคนข้างหน้าไม่มี รอจนเชือกตัด บลาๆ ขนาดถึงกับบอกให้คนที่ปล่อยเชือกช่วยดูผมด้วยเผื่อผมเป็นอะไรไปจะได้รีบไป ช่วย กลัวถึงขนาดนั้น รอบแรกบอกคนปล่อยเชือกไปน่ะเค้าบอกเป็นอย่างดีจะรีบไปช่วย แต่ผมอายตรง ผมไม่ได้ทำในรอบนั้น 555+ ประเด็นคือ ข้างหน้าผม 2 คนด้วยแหละครับ คลื่นมันเยอะ กากๆ อย่างผมขอเรียบๆ เท่านั้น
3. หัดแล้วไม่เจ็บครับ ลอยได้ แต่หันหลังลง อันนี้ร้ายแรงครับ เนื่องจากกล้ามเนื้อมันจำไปแล้ว ว่าหันหลังลงไม่เจ็บ สัญชาติญานการเอาตัวรอดของมนุษย์ น่ะครับ ก็เลยกลายเป็นว่าหันหลังลงตลอด คราวนี้ลำบากตรง จะไม่ได้เอาหน้าลงสักทีมันก็ลงไม่ได้ ผมแนะนำเลยน่ะครับ ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ ไปหัดท่าอื่นเลยครับ ให้ร่างกายมันลืมๆ ไปก่อน แนะนำให้ไปหัด Backroll ครับ ดีไม่ดีง่ายกว่า Air อีกครับ เสร็จแล้ว ให้เวลาผ่านไปสักพักค่อยกลับมาหัด Air ใหม่
จบแล้วครับ เท่านี้แหละครับี่ผมอยากจะมา Share ให้ฟัง ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้น่ะครับ ผมบอกแล้วผมไม่ใช่โปร การที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะผมเข้าใจว่าไปหาอ่านเป็นภาษาไทยน่าจะ ไม่มี ลอง Search Google ดูสิครับ และ ผมก็อยากจะให้เห็นมุมมองของการหัดดูครับ เผื่อจะช่วยลดการบาดเจ็บของเพื่อนๆลงได้บ้างน่ะครับ
สุดท้าย นี้ฝากไว้เลยน่ะครับ จะ อ่าน Technic มาเยอะแค่ไหน สิ่งที่สำคัญกว่า Technic ทั้งมวดคือ ใจ น่ะครับ ต้อง 100% กับทุกท่าที่คุณหัด ห้ามลังเล เพราะไม่ฉะนั้นขบไม่สวยแน่ๆ ครับ
โชคดีกับการบินน่ะครับ เดี๋ยวถ้าได้ถ่าย Video ตอนผม Air แล้วจะเอามาให้ดูน่ะครับ
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)